บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ประกาศผลงานปี 65 ทำกำไรสุทธิ 434.7 ล้านบาท เติบโตกว่า  138.7% และมีรายได้จากการขาย  4,366.6 ล้านบาท พร้อมโชว์ทำ Net Margin สูงสุดที่ 10% รุกสร้างการเติบโตแบบเท่าตัว ฟากบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ “3GO” คือ “GO Firm” ปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) “GO Broad” ขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น และ “Go Global” ขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ หนุนการเติบโตต่อเนื่อง

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้แบรนด์ เถ้าแก่น้อย รวมถึงขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์ชานม Just Drink เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 เติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ มีกำไรสุทธิ 434.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.7% ถือเป็นการเติบโตแบบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 182.13 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 10% ขณะที่ปี 2564 อยู่ที่ 4.98% สะท้อนความสามารถการทำกำไรได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายได้จากการขาย 4,366.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 3,610.9 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จจากผลการดำเนินงานในครั้งนี้มาจาก ปัจจัยหลัก ได้แก่

1.) สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ที่คลี่คลายขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยและปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น 2.) เติบโตจากสินค้าใหม่ หลังจาก TKN ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมามีการออกสินค้าใหม่ (NPD) เช่น ผลิตภัณฑ์สาหร่ายอบขนาด 15 กรัม และ 4 กรัม ในรูปแบบซอง ซึ่งมีตัวการ์ตูน BT21 ที่เกิดจากการสร้างสรรค์จากวง BTS ศิลปินชื่อดังระดับโลก โดยทำบรรจุภัณฑ์ให้แปลกใหม่ในรูปแบบคาแรกเตอร์อยู่บนซอง ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และ 3.) การเพิ่มช่องทางขายใหม่ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงส่งเสริมการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องซึ่งมีผลตอบรับกลับมาเป็นตัวเลขยอดขายที่เติบโตได้ดีในทุกช่องทาง เช่น การจับมือกับบิทคับทำแคมเปญแจก NFT ภาพดาราซีรีย์ให้สะสมผ่านซองขนมเถ้าแก่น้อย และการคอลแลปกับร้านอาฟเตอร์ยำ เปิดตัวสาหร่ายรสแซลมอนราดน้ำปลาและรสน้ำจิ้มซีฟู้ด และรสไก่ทอดและรสน้ำยำ เป็นต้น  

ส่วนตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างประเทศจีนนั้น ทำยอดขายผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อยติดอันดับ Top 5 ในเว็บเถาเป่า (taobao) เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์จากจีน และล่าสุด TKN ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากสมาพันธ์การตลาดของประเทศจีน (NEWRANK.CN) ในการสร้างแบรนด์ร่วมกัน (Co-Branding) กับร้านกาแฟรายใหญ่ในจีน (Double Win) ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกามียอดขายเติบโต 55.3 % จากแผนเจาะตลาด Mainstream ที่เป็นชาวอเมริกันในท้องถิ่นและเพิ่มช่องทางขายผ่านร้านค้าปลีก นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียและเวียดนาม ยังมีส่วนช่วยผลักดันยอดขาย หลังจากเข้าไปทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายในช่วงที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานในปี 2565 เติบโตเกินกว่าเป้าหมาย โดยกำไรสุทธิที่เติบโตได้กว่าเท่าตัวหรือกลับมาเติบโตใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19 จากความสำเร็จในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่มีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้าสาหร่ายทอดที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์เติบโตได้ในทุกช่องทางอย่างดีและเป็นผู้นำในตลาดฯ นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติเสนอการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2565 ในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 นี้ ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 27 เมษายน 2566 ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลทั้ง ครั้ง ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาทต่อหุ้น ที่จ่ายเงินปันผลไปแล้วเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 และ 0.08 บาทต่อหุ้น จ่ายเมื่อวันที่ ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั้งปี 2565 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.29 บาทต่อหุ้น  

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า แผนในปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากการกลยุทธ์ “3 GO” ประกอบด้วย GO Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ TKN สามารถปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นเตรียมพร้อมรองรับแผนงานต่างๆ  GO Broad” หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจให้กว้างขึ้นจากแผนพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาด รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น และ “Go Global” การขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ ผลักดันยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแผนระยะยาวของบริษัทฯ ต่อไป