บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC ทำรายได้ปี 65 ที่ 14,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน จากปริมาณการขายและการปรับราคาขายบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน รวมถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 อัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย มองดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วไตรมาส 1/66 โตต่อเนื่อง รับการท่องเที่ยวฟื้นตัว กระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น 

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ปี 2565 นับเป็นอีกปีที่ยอดขายของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งการเปิดประเทศส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเครื่องดื่มและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เห็นได้ชัดจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นในส่วนของกลุ่มเบียร์ โซดาและน้ำดื่ม และเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ (Spirits & Wine)

โดยภาพรวมการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้จากการขายรวม 14,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2564 โดยเป็นการเติบโตจากยอดขายในประเทศ 11% จากกลุ่มเบียร์ โซดาและน้ำดื่ม และเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ (Spirits & Wine) และยอดขายจากการส่งออกเติบโต 44% เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้ง ในกลุ่มประเทศ CLMV และสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบส่งผลให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 506 ล้านบาท ลดลง 3% จากปี 2564 เนื่องจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา  ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 มีรายได้จากการขาย 3,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมลองปีใหม่ จึงกระตุ้นการจับใช้สอยและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วสำหรับเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 84 ล้านบาท 

“แม้ในปี 2565 สงครามระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนด้วยการปรับสูตรการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทางเลือกและมองหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งเจรจาขอปรับราคาสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น” นายศิลปรัตน์ กล่าว  จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 อัตรารวม 0.445 บาทต่อหุ้น โดยในงวด เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.325 บาทต่อหุ้น คงเหลือที่จะต้องในงวดสุดท้ายอีก 0.12 บาทต่อหุ้น มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 เดือนเมษายนนี้ และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 เดือนพฤษภาคม 2566

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวต่อว่า แนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วในไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและจีนเปิดประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในระยะข้างหน้า  ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการธุรกิจจัดการพลังงาน ESCO (Energy Service Company) ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเร่งยอดขายรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น