การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2024 เปิดเวทีเจรจาธุรกิจท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟ ระหว่างวันที่ 17 -19 กันยายน 2567 เชิญผู้ซื้อและสื่อมวลชนจากต่างประเทศทั่วโลกกว่า 90 ราย พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟ รีสอร์ทและโรงแรมที่พักของไทย มุ่งสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และสุขภาพระดับโลก (World Class Sports and Health & Wellness Destination) โดยมี นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. และ นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ททท. ร่วมเปิดงานและให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ( Health & Wellness) เพื่อเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง และมีระยะเวลาพำนักในประเทศไทยที่ยาวนานกว่านักท่องเที่ยวโดยทั่วไป ตลอดจนมุ่งสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่เพียงแต่ประเทศไทยจะมีสนามกอล์ฟที่สวยงามทั่วประเทศที่นักกอล์ฟสามารถเลือกเล่นได้ตลอดทั้งปีแล้ว ยังสามารถส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอันหลากหลายตลอดช่วงเวลาการเดินทางที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของที่พัก อาหาร แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ประสบการณ์ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ชอปปิง ไปจนถึงการดูแลเชิงสุขภาพทรีตเม้นต์และสปา ซึ่งคาดว่าจะสร้างความประทับใจให้กับนักกอล์ฟและสามารถบอกเล่าเรื่องราวในประเทศไทยได้ต่อไปอย่างไม่รู้จบ
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ททท. กล่าวในรายละเอียดว่า ททท. ได้จัดงาน TGTM ให้เป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั่วโลกทราบถึงศักยภาพความพร้อมของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟของประเทศไทย โดยได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟ 65 ราย และสื่อมวลชนจากต่างประเทศอีก 31 ราย เข้าร่วมสำรวจและพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจสนามกอล์ฟ คันทรี่คลับ รวมถึงโรงแรมและที่พักในประเทศไทย 59 ราย เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขาย สร้างเครือข่าย รวมถึงรับฟังอัปเดตสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟ และกิจกรรมทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาของประเทศไทย ตลอดจนร่วมกิจกรรม Networking Golf Tournament โดยคาดว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะก่อให้เกิดจำนวนนัดหมายเจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 1,000 ครั้ง และสร้างการรับรู้จากการจัดกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน-ครั้ง
งาน TGTM 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2567 โดยเริ่มต้อนรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟและสื่อมวลชนจากต่างประเทศด้วยกิจกรรม Networking Golf Inspection ณ สยามคันทรีคลับ แบงคอก ส่วนงานเลี้ยงต้อนรับ Welcome Dinner ณ Top Golf Megacity จัดในวันที่ 17 กันยายน 2567 และในวันที่ 18 กันยายน 2567 ณ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท ผู้ประกอบการและสื่อมวลชนต่างชาติจะได้ร่วมรับฟังอัปเดตสินค้าและบริการทางด้านกีฬากอล์ฟ และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งประเทศไทยมีสนามกอล์ฟกว่า 250 สนามที่พร้อมรองรับนักกอล์ฟทุกระดับและความชื่นชอบ ทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว อาทิ กัซซัน เลกาซี่ กอล์ฟคลับ จังหวัดลำพูน สันติบุรี คันทรี คลับ จังหวัดเชียงราย ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จังหวัดจันทบุรี รอยัล ครีค กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น ตลอดจนสนามกอล์ฟและโรงแรมที่พักที่ได้รับรางวัลและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ จากนั้นต่อด้วยไฮไลท์ของงาน TGTM 2024 ได้แก่ กิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟและสื่อมวลชนจากต่างประเทศกับผู้ประกอบการไทย และปิดท้ายในวันที่ 19 กันยายน 2567 ด้วยความสนุกสนานควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายในกิจกรรม Networking Golf Tournament ณ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธานีิ จากสถิติพบว่า ตลาดนักกอล์ฟทั่วโลกมีจำนวนมากกว่า 60 ล้านคน โดยมีตลาดหลักของผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป และแคนาดา ทั้งนี้ จากโครงการศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศของ ททท. ในปี 2565 พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทำกิจกรรมกอล์ฟมีการใช้จ่ายสำหรับทำกิจกรรมเฉลี่ย 12,136 บาท/คน/ทริป ซึ่งสูงกว่ากิจกรรมท่องเที่ยวประเภทอื่น ๆ
ททท. หวังว่าการจัดงาน TGTM 2024 จะเป็นเวทีในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟของไทย และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้สามารถแสดงถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักกีฬากอล์ฟจากทั่วโลก ตลอดจนสามารถนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ เพื่อสร้างการรับรู้ประเทศไทยในฐานะ World Class Sport & Health Destination