“แม็คยีนส์” แบรนด์ยีนส์อันดับหนึ่งของไทย ประกาศปิดร้านใน 10 จังหวัด สนองนโยบายล็อกดาวน์ 14 วันของภาครัฐ ลดการระบาดไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 12 – 25 ก.ค. 64 เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ที่มาใช้บริการ ส่งโปรโมชั่นพิเศษ มุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายผู้บริโภค พร้อมบริการส่งฟรี เมื่อช้อปสินค้าออนไลน์ หวังปลุกยอดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตต่อเนื่อง

นางสาวกิตติมา วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า ร้านแม็คยีนส์ ขอแจ้งปิดให้บริการชั่วคราวใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ตั้งแต่วันที่ 12 – 25 กรกฎาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ความร่วมมือกับนโยบายของภาครัฐในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้า โดยบริษัทขอเชิญชวนทุกคนร่วมใจ “อยู่บ้านปลอดเชื้อ” เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน

นางสาวกิตติมา วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระให้แก่ผู้บริโภค เพิ่มความคุ้มค่าในการซื้อสินค้า และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการแม็คยีนส์ในช่วงเวลาล็อกดาวน์ บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ “Lockdown นี้ ส่งฟรีถึงบ้าน” พร้อมบริการส่งฟรี เมื่อสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ 3 ช่องทาง ได้แก่ ช้อปสินค้าแม็คยีนส์ทางเว็บไซต์ www.mcshop.com, Facebook : https://www.facebook.com/mcjeans และ Line : @mcjeans_official

สำหรับโปรโมชั่นพิเศษพร้อมบริการส่งฟรี ได้แก่ 1. ซื้อสินค้า 3 ชิ้น จ่ายเพียง 999 บาท ประกอบด้วย ทีเชิ้ต, หมวก หรือกางเกงขาสั้น (เอวหูรูด) ราคา 999 บาท 2.เสื้อยืดแขนยาว ซื้อคู่กับกระเป๋าคาดอก ราคา 999 บาท 3.เสื้อ Zoo Hoodie และกระเป๋า Zoo Shopping แถมฟรี เสื้อยืดแม็ค เบสิค หรือรองเท้าแตะ ราคา 1,195 บาท

นางสาวกิตติมา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก จากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยการจัดแคมเปญ และโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากช่องทางร้านค้าออนไลน์ (E-commerce) เติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชี 2564 มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับไตรมาส 3 ปีบัญชี 2564 (1 มกราคม – 31 มีนาคม 2564) รายได้จากช่องทางขายออนไลน์ของบริษัท คิดเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งจากแผนการรุกจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากช่องทางขายออนไลน์เป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด