สภาสถาปนิก ร่วมกับ บริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด เปิดงานสภาสถาปนิก’19 อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศเดินหน้ายกระดับวงการสถาปนิกและสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้าง โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 17 พฤศจิกายนนี้ ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิก กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งการลดภาระค่าธรรมเนียม มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัย ออกโครงการบ้านล้านหลัง รวมไปถึงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ทั้งยังเดินหน้าขยายโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความพยายามเหล่านี้มีผลช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างเกิดการขยายตัว ช่วยลดอุปทานในตลาดและช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนสร้างโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจวัสดุก่อสร้างและงานก่อสร้าง รวมไปถึงงานด้านสถาปัตยกรรมด้วยเช่นกัน”
“แต่ขณะเดียวกัน ความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านรสนิยมในงานออกแบบ ประเภทวัสดุ นวัตกรรมในงานก่อสร้าง และการตกแต่งที่อยู่อาศัย รวมไปถึงช่องทางในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการวิชาชีพทางสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และนักออกแบบจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว การจัดงานสภาปนิก’19 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกนี้จึงได้ใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “RE-ACT: ตอบสนอง ต่อยอด ต่อเนื่อง” เพื่อสื่อถึงการที่ผู้ประกอบการทุกวิชาชีพต้องศึกษาต่อยอดความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในสังคมปัจจุบัน ทางสภาสถาปนิกมีความมั่นใจว่างานสภาสถาปนิก’19 จะไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์กับสถาปนิกและผู้ประกอบการ แต่ยังช่วยนำความรู้ใหม่ๆ นวัตกรรม และแรงบันดาลใจในการออกแบบมาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถก้าวนำหน้าความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา”
นายประกิต พนานุรัตน์ ประธานจัดงานสภาสถาปนิก’19 กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา สภาสถาปนิกมุ่งส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมให้แก่สมาชิก ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลกรในวิชาชีพสถาปนิกของประเทศไทยโดยตรง ในวันนี้สภาสถาปนิกได้ร่วมกับบริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด จัดงาน สภาสถาปนิก’19 ขึ้น โดยพยายามที่จะนำสิ่งใหม่ๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการสถาปนิกและอุตสาหกรรมก่อสร้าง งานนี้จึงเป็นงานประชุมเชิงวิชาการทางด้านสถาปัตยกรรมและงานแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างระดับนานาชาติงานแรกของประเทศไทยที่ครอบคลุมครบทั้ง 4 สาขาวิชาชีพสถาปัตยกรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรม รวมถึงอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ทั้งยังเป็นศูนย์รวมเครือข่ายมืออาชีพในวงการเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ สภาสถาปนิกยังได้เชิญวิทยากรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมาแบ่งปันความรู้และแนวคิดด้านการออกแบบ รวมถึงช่วยสร้างกระบวนการทางความคิดและพัฒนาวิชาชีพให้กับสถาปนิกไทยอีกด้วย”
สำหรับงานสัมมนา เสวนา และประชุมเชิงวิชาการทางสถาปัตยกรรม ภายในงานสภาสถาปนิก’19 รวมมากกว่า 30 หัวข้อ แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่
– Forum A: The Keynote (A Forum for Inspiration) เป็นการเปิดโอกาสให้สถาปนิกไทยและผู้ที่สนใจได้เข้าร่วมรับฟังแนวคิดจากสถาปนิกที่มีชื่อเสียงในระดับโลก อาทิ สเตฟาโน โบเอรี่ (Stefano Boeri) สถาปนิกและนักออกแบบเมืองชื่อดังจากอิตาลี แอนดริว แกรนท์ (Andrew Grant) สถาปนิกระดับโลกจากประเทศอังกฤษเจ้าของผลงานออกแบบ Gardens by the bay ที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ บาร์บาร่า แบรี่ (Barbara Barry) มัณฑนากรระดับโลกจากลอสแอนเจลิสที่ทำงานอินทีเรียสไตล์ luxury อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นต้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาการทำงานสู่ระดับสากลต่อไป
– Forum B: The Practice (Sharing Knowledge from a Master) เป็นการให้ความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพแก่สมาชิกสภาสถาปนิกและประชาชนทั่วไป โดยจะมีเนื้อหาครอบคลุมการปฏิบัติวิชาชีพทั้ง 4 สาขา รวม 5 ประเภทงาน ทั้งในส่วนงานศึกษาโครงการ งานออกแบบ งานบริหารและอำนวยการก่อสร้าง งานตรวจสอบ และงานให้คำปรึกษา
– Forum C: The Innovation (Discussion for the Best Solution) เป็นการสัมมนาที่มุ่งเน้นการแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรม รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการในเชิงลึกจากผู้ประกอบการในแวดวงผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมากมาย อาทิ JORAKAY, COTTO, MAKITA เป็นต้น
– Forum D: The ACT Services (ACT Commitment to Serve Our Society) เป็นกิจกรรมที่สภาสถาปนิกให้บริการสังคมในรูปแบบของการให้คำปรึกษาโดยตรงแก่ประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรมโดยกลุ่มสถาปนิกอาสา และยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานและสถาบันการศึกษาเผยแพร่ผลงาน งานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะ
“นอกจากนี้ ภายในงานยังรวบรวมกิจกรรมที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของงานไว้อย่างมากมาย งานสภาสถาปนิก’19 จึงเป็นงานที่ครบถ้วนในทุกมิติของงานสถาปัตยกรรมที่สถาปนิก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง วิศวกร และคนในแวดวงสถาปัตยกรรมไม่ควรพลาด” นายประกิต กล่าว
ด้านนายศุภแมน มรรคา ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด ผู้จัดงานสภาสถาปนิก’19 กล่าวว่า “สำหรับการจัดงานสภาสถาปนิก’19 ครั้งแรกนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายอย่างล้นหลาม มีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกว่า 500 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม สิงคโปร์ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ที่ตอบรับเข้าร่วมแสดงสินค้า คิดเป็นสัดส่วนผลิตภัณฑ์จากต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 25% ทั้งยังมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 50 ราย นอกจากนี้ไฮไลท์สำคัญภายในงานคือ Product Launching Day ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับเวทีที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ชั้นนำในแวดวงผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน มานำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ระหว่าง 11.30-12.30 น.
ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3”
สำหรับผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่จะเปิดตัวภายในงานสภาสถาปนิก’19 ได้แก่
– ระบบเจาะยึดเพื่อการติดตั้งผนัง Rain Screen แบบ Dry-process นำเข้าจากเยอรมัน ชุดท่อระบายน้ำสำหรับงานภูมิทัศน์ นำเข้าจากเยอรมัน จาก บริษัท ดีวันซิสเต็ม จำกัด
– จี คัลเลอร์ มอร์ตาร์ ผลิตภัณฑ์ปูนฉาบที่ผลิตจากหินปูนธรรมชาติผสานด้วยเทคโนโลยีกราฟีน ที่เหมาะสำหรับงานฉาบเพื่อการซ่อมแซมบูรณะโบราณสถาน จาก บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
– SUNTECH Hybrid Cooling Roof & Panel หลังคาและผนังที่มาพร้อมฉนวนกันความร้อน PU Foam คุณภาพสูง ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จาก บริษัท ซันเทคสตีลเวิคส์ จำกัด
– Inorganic Self Luminescent Wall & Floor Tiles ผลิตภัณฑ์เรืองแสงที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการลดใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถเก็บแสงธรรมชาติในเวลากลางวันและปล่อยพลังงานในรูปแบบของการเรืองแสงในเวลากลางคืน โดยใช้เวลาดูดซับและกักเก็บพลังงานเพียง 15-20 นาที แต่สามารถเรืองแสงยาวนาน จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ซี.ซี.ดับบลิว. เทคนิคเซอร์วิส
นายศุภแมน กล่าวต่อว่า “ภายในงาน ยังมีโซน Designer Hub Pavilion ซึ่งเป็นพื้นที่ให้นักออกแบบจากทุกสาขาวิชาชีพที่เป็นสมาชิกของสภาสถาปนิกได้มาพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่ง เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ส่วนผู้เข้าร่วมงานที่เป็นบุคคลทั่วไปก็สามารถมาพบกับผู้ให้บริการด้านการออกแบบทุกประเภท และผู้ให้บริการด้านการก่อสร้างอย่างครบวงจร”
“ปัจจุบัน ทั้งความสนใจของผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจำเป็นต้องก้าวให้ทัน การได้มีโอกาสพบกับสถาปนิกในสาขาวิชาชีพต่างๆ ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้อัปเดตความรู้และได้รับไอเดียดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการใหม่ของตัวเอง ซึ่งในระยะยาวสังคมไทยก็จะมีโครงการที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงานมากขึ้นที่เป็นผลงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ สอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานและใช้ชีวิต ทั้งยังคำนึงถึงสุขภาพกายและจิตใจของผู้คนอีกด้วย”
“จากกิจกรรมไฮไลท์ทั้งหมดที่กล่าวมา คาดว่าจะสามารถดึงดูดให้มีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 4 วัน อยู่ที่ประมาณ 90,000 คน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ สำหรับต่างประเทศ ตอนนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว อาทิ กลุ่มประเทศในอาเซียน กลุ่มสถาปนิกจากจีน และนักลงทุนจากอินเดีย และจากการที่มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงเต็มพื้นที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ทำให้ปีหน้างานสภาสถาปนิก’20 จะมีการขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมทั้งขยายวันจัดงานเพิ่มขึ้นเป็น 5 วัน เพื่อให้งานสภาสถาปนิกเป็นเวทีสำหรับคนในแวดวงสถาปัตยกรรมทุกสาขาอย่างแท้จริง” นายศุภแมน กล่าวทิ้งท้าย