บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR คาดผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นไปตามเป้า จากการรับรู้รายได้การส่งมอบออเดอร์ถุงยางอนามัยล็อตใหญ่แก่ลูกค้า และยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตและสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 435.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 66.7 ล้านบาท 

 นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ระหว่างส่งมอบออเดอร์ถุงยางอนามัยล็อตใหม่แก่ลูกค้า ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ส่วนกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Own-Brand) คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการจ้างผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น และการทำตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ในประเทศไทยและกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม จากแนวโน้มดังกล่าวจึงมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายมีรายได้จากการขายและบริการ (ตามงบการเงินรวม) เติบโตมากกว่าจากปีก่อน  ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 435.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 66.7 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,420.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 120.6 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ จ่ายปันผลจากกำไรสุทธิ จำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น รวม 75 ล้านบาท

“คาดว่าภาพรวมการดำเนินงานปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทฯ ทำผลประกอบการได้ดี แม้ว่ารายได้ 9 เดือนแรกยังชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ด้วยการรุกขยายตลาดกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย” นายอมร กล่าว