‘บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง’ หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 9.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย หลังสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) เกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้กว่า 17.0 เท่า ขณะที่นักลงทุนรายย่อยตอบรับจองซื้อหุ้น IPO กันอย่างคึกคักคาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.ค. นี้ เดินหน้าลงทุนสร้างรากฐานผลิตและระบบจัดจำหน่ายส่งออกทั่วโลก พร้อมลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงรับเทรนด์ผู้บริโภค มุ่งสู่ผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน ตั้งเป้าปี 69 ทำยอดขายแตะ 8,000 ล้านบาท

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัดนางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น โดยเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อระหว่างวันที่ 7-9กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันที่แสดงความสนใจจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ราคา 9.20 บาท มากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรกว่า 17.0 เท่า สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเชื่อมั่นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะนำหลักทรัพย์ SNNP เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม 2564

คุณวิวรรธน์-ไกรพิสิทธิ์กุลนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย กล่าวว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะทางการเงิน เพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ และสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาและโอกาสในการบริโภค ก้าวสู่ผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จากแผนการลงทุนดังนี้

1.แผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในประเทศ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดีได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวมถึงลดต้นทุน สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น

2.แผนการลงทุนในบริษัทย่อยของบริษัทฯ เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม ที่มุ่งเพิ่มกำลังการผลิตและขยายการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทฯ ได้ลงทุน ผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเยลลี่สำเร็จรูปในประเทศเวียดนาม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยโรงงานจะแบ่งการก่อสร้างเป็นทั้งหมด 3 ช่วงเวลา และคาดว่าโรงงานในส่วนที่ 1 จะแล้วเสร็จในปี 2565 และโรงงานทั้งหมดตามแผนการลงทุนในเบื้องต้นจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ SNNP มีฐานการผลิตจำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง ทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ครอบคลุมตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และเป็นฐานการส่งออกสินค้าไปตลาดอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกไปยัง 5 ทวีป รวมกว่า 35 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีนและกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปโดยวางเป้าหมายรายได้จากตลาดต่างประเทศเติบโต 3 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า

3.แผนลงทุนพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดย SNNP ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชงและกัญชา และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ รวมถึงโครงการวิจัยเรื่องการคัดเลือกพันธุ์กัญชงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ เจเล่ เบนโตะ เมจิกฟาร์ม โลตัสขาไก่ และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ ฯลฯ โดยมุ่งพัฒนารสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับกำลังซื้อในแต่ละประเทศ (Localization) และด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่บริษัทฯ วางไว้อย่างแข็งแกร่ง จะผลักดันให้ผลดำเนินงาน SNNP มีการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต