เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ปรับแผนธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผนึกกำลังพันธมิตรทางการค้า ขยายการให้บริการ สินค้า พร้อมโซลูชั่นครบวงจรสู่ตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย มุ่งตอบความต้องการลูกค้า ด้วยแนวคิด Customer Centric, Data Driven และ Services and Solutions ผสานความเชี่ยวชาญของพนักงานที่รู้ลึก รู้จริงในตลาดแต่ละประเทศมาตลอด 40 ปี และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลก ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 46,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเติบโตร้อยละ 13 พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
กล่าวว่า “ภาวะตลาดที่มีการแข่งขันของผู้ค้ารายใหม่ๆ ทั่วโลก รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ ได้ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด จึงได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่เพียงเป็นตัวกลางในการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยให้บริการแบบครบวงจรตลอดทั้ง Supply Chain ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ Digital Platform มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศจีน ประเทศอินเดีย และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ด้วย 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ Customer Centric, Data Driven และ Services and Solutions โดยตั้งเป้าสร้างยอดขาย 46,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเติบโตร้อยละ 13 จากที่ผ่านมา พร้อมก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ”
ทั้งนี้ 3 แนวคิดหลัก ที่ เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล นำมาใช้ในการปรับแผนการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ ได้แก่
1) การเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง (Customer Centric) ในฐานะ “End-to-End Supply Chain Solution Provider” พร้อมให้บริการแบบ “One-Stop Interface” ด้วยการนำจุดแข็งด้านการเป็น Regional Expert ของเครือข่ายในต่างประเทศทั่วโลกที่เข้าใจความต้องการเชิงลึกของลูกค้าแต่ละพื้นที่ มาใช้วิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้า พร้อมนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ตั้งแต่การหาตลาดใหม่ๆ การพัฒนาตลาด จัดจำหน่ายสินค้า และจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพ โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปี พร้อมให้บริการระบบโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละประเทศ
2) การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลก มาใช้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว (Data Driven) และช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีอย่าง Data Analytics, IOT, Artificial Intelligence (AI) และ Robotic Process Automation (RPA) มาใช้ดำเนินธุรกิจ เช่น การนำ Data Analytics มาใช้วิเคราะห์ข้อมูล และพัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ (Digital Platform) สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วอาเซียน โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ Ralali.com ซึ่งปัจจุบันถือเป็น B2B Online Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย พัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ บริการจัดการคลังสินค้า โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา “B2B Smart Energy” โดยนำเทคโนโลยี AI และเซ็นเซอร์ มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตของโรงงานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3) การนำเสนอสินค้าคุณภาพ พร้อมบริการ และโซลูชั่นครบวงจร (Services and Solutions) นอกจากการจัดหาสินค้าคุณภาพจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานจากทั่วโลก ยังเสริมการบริการพร้อมโซลูชั่นแบบครบวงจร ด้วยโซลูชั่นจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพจากประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล มีเครือข่ายในแต่ละประเทศที่จะช่วยคัดสรรบริษัทผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน พร้อมช่วยดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิตให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ตลอดจนการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ตรงตามกำหนด
นอกจากนี้ ยังพัฒนาโซลูชั่นด้านการก่อสร้างแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียใต้ ภายใต้แนวคิด “Smart Build” ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ ครบตามความต้องการ รวมถึงการให้บริการด้านวิศวกรรม การออกแบบ การจัดหา ตลอดจนการพัฒนาช่างที่มีฝีมือ และการให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านก่อสร้าง ผ่านเว็บไซต์ www.scgsmartbuild.com
อีกทั้ง ยังได้จับมือคู่ค้าต่างชาติจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “บริษัท สยาม เซย์ซอน จำกัด” ให้บริการ “Smart Financial Solution” บริการด้านการเงินสำหรับผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าในการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น โดยได้เริ่มทดลองดำเนินการในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และมีแผนจะขยายการดำเนินงานเต็มรูปแบบภายในปลายปีนี้
เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ยังมองหาโอกาสการทำธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศจีน ประเทศอินเดีย และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมสินค้า บริการ และโซลูชั่นที่หลากหลายของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ที่เว็บไซต์ www.scginternational.com หรือหมายเลข 02-586-2222