โรงแรมเมอร์เคียว เลสเตอร์ เดอะ แกรนด์ โฮเทล (Mercure Leicester The Grand Hotel) ขนาด 104 ห้อง เป็นหนึ่งใน 27 โรงแรมยอดนิยมในสหราชอาณาจักรของเครือ SHR  กรุงเทพฯ​ ประเทศไทย – บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels and Resorts Public Company Limited or SET: SHR) บริษัทเรือธงในการประกอบธุรกิจโรงแรมของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (Singha Estate PCL or SET: S) เดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักร ลุยต่อยอดความสำเร็จบน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การหมุนเวียนลงทุนและการปรับปรุงสินทรัพย์ (asset rotation and renovations) การควบรวมและซื้อกิจการ (mergers and acquisitions) และการพัฒนาธุรกิจด้วยโมเดล Asset Light เพื่อเร่งเพิ่มศักยภาพโรงแรมด้านการแข่งขัน พร้อมขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจหลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก

สหราชอาณาจักรถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท โดยมีสัดส่วนถึง 65% ของจำนวนห้องพักรวมในกลุ่มธุรกิจทั่วโลก ปัจจุบันมีโรงแรมในสหราชอาณาจักรทั้งสิ้น 27 แห่ง รวม 2,940 ห้อง ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ เมอร์เคียว (Mercure) และ ฮอลิเดย์ อินน์ (Holiday Inn) โดยในปี พ.ศ. 2564 และ พ.ศ. 2565 บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงคอลเลกชันโรงแรมทั่วสหราชอาณาจักร ผ่านการใช้กลยุทธ์การหมุนเวียนลงทุนสินทรัพย์ กล่าวคือการขายสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโรงแรมที่มีศักยภาพสูง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มรายได้ของพอร์ตโฟลิโอ 3 เท่าภายในปี พ.ศ.​ 2567  SHR ได้สานต่อกลยุทธ์นี้อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ทุ่มงบกว่า 13.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 560 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มอีก 50% ในกิจการโรงแรม 26 แห่งในสหราชอาณาจักร ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด 100% ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นความมุ่งมั่นระยะยาวที่สำคัญต่อการลงทุนในสหราชอาณาจักร และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมของประเทศ

จากนั้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 บริษัท จูปิเตอร์ โฮเทลส์ (Jupiter Hotels Limited) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SHR ถือหุ้น 100% ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว นิวบูรี แอลคอต ปาร์ค (Mercure Newbury Elcot Park) ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ ถือเป็นโรงแรมแห่งแรกจากทั้งหมด 6 แห่งซึ่งอยู่ภายใต้แผนการขายของบริษัทฯโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน เทรนต์ นิวตัน พาร์ค (Mercure Burton upon Trent Newton Park) ถูกขายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565  โดยจะนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพสูงต่อไป ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้บรรลุข้อตกลงการขาย โรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน  เทรนต์ นิวตัน พาร์ค (Mercure Burton upon Trent Newton Park) มูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง ซึ่งสามารถสร้าง EBITDA ได้ถึง 60 – 70% ของ EBITDA รวมของพอร์ตการลงทุนในสหราชอาณาจักร  โดย SHR คาดว่าความสำเร็จของการขายจะมีแนวโน้มที่ดีไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ สนับสนุนโดยปัจจัยบวกด้านสภาวะตลาดที่สามารถเอื้อต่อราคาขายที่เหมาะสม

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท รุกกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักร ดันผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง SHR เดินหน้าเต็มกำลังด้วยกลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง  ผลักดันผลการดำเนินงานพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักรให้เติบโตทุบสถิติใหม่

ในแง่ของการพัฒนาปรับปรุงสินทรัพย์ของบริษัทฯ SHR ได้ลงทุนปรับปรุงโรงแรมเมอร์เคียว กลาสโกว์ ซิตี้ (Mercure Glasgow City Hotel) โรงแรมขนาด 91 ห้อง ซึ่งเสร็จสิ้นทันการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP26) ครั้งที่ 26 ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมานี้ เพื่อให้โรงแรมมีความพร้อมต้อนรับนักเดินทางจากต่างประเทศตลอดงานประชุมนี้ รวมถึงงานประชุมอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย  นอกจากการปรับปรุงโฉมสินทรัพย์แล้ว SHR ได้ทุ่มทุนครั้งสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบสารสนเทศของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดในสหราชอาณาจักร เพื่อสรรสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและความประทับใจยิ่งขึ้นให้แก่แขกของโรงแรม รวมถึงช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยระบบการจัดการที่ทันสมัย

SHR มุ่งเน้นการต่อยอดการลงทุนในโรงแรมภายใต้พอร์ตโฟลิโอเดิม ซึ่งมีสถิติผลการดำเนินงานที่ยืนยันความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยจะนำรายได้จากการขายสินทรัพย์ กอปรกับเงินลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 490 ล้านบาท ใช้สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุนในสหราชอาณาจักร ภายหลังจากการเปิดการท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักรอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ทำให้เกิดการกลับมาของนักเดินทางเพื่อพักผ่อน ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ราคาขายเฉลี่ย (ADR) ให้กับโรงแรมในเครือ SHR ทั่วสหราชอาณาจักรต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 พ.ศ. 2564 จนถึงไตรมาสแรกของปีนี้  จุดแข็งหลักของพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในสหราชอาณาจักรของ SHR คือมีความสมดุลทั้งในด้านภูมิศาสตร์และฤดูกาล โดย SHR มองว่า ภาคการท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักรฟื้นตัวได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เนื่องจากความต้องการเดินทางของนักเดินทางในประเทศมีมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโรงแรม ทั้งนี้ คาดว่าพอร์ตการลงทุนในสหราชอาณาจักรจะสามารถรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ในปี พ.ศ. 2565 ของพอร์ตดังกล่าวเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 50%

เดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เปิดเผยว่า
“กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอในสหราชอาณาจักรของเรากำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับฤดูกาลการท่องเที่ยวที่กำลังมาถึง จุดแข็งสำคัญที่สุดของเรา คือทำเลที่ตั้งของโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม และเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากนั้นแล้ว ธุรกิจของเรายังได้รับแรงหนุนจากกลยุทธ์ในการปรับปรุงสินทรัพย์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจการประชุมและการจัดเลี้ยง (MICE) ในสหราชอาณาจักร โดยเราเชื่อมั่นว่า จากปัจจัยบวกต่างๆ จะเป็นกลไกลหลักในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของพอร์ตโฟลิโอให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี พ.ศ. 2565 และปีต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ เมื่อกลยุทธ์การหมุนเวียนการลงทุนสินทรัพย์เสร็จสมบูรณ์ คาดการณ์ว่าจะสามารถปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อ ADR ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 15%”  ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ธุรกิจของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ที่ investor.shotelsresorts.com หรือสอบถามทางอีเมล [email protected] และเกี่ยวกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ที่ www.shotelsresorts.com หรือติดตามเราบน Facebook, Instagram, YouTube, LinkedIn