กรุงเทพฯขณะที่โลกกำลังก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก เดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจของไทยให้เติบโตและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในอาเซียน  โดยกรุงศรีและ MUFG มุ่งขยายเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตในระดับสากล โดยการมุ่งเน้นด้านบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศให้มีความสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น

จากข้อมูลโดยวิจัยกรุงศรี ระบุว่า ประเทศในอาเซียนที่กำลังฟื้นตัวและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดตลอดช่วงปี 2565 คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งเป็นผลจากการกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วของอุปสงค์ภายในประเทศที่มีปัจจัยขับเคลื่อนจากการที่ประชาชนได้รับวัคซีนในอัตราที่สูง และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ทำให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น อีกทั้งการกลับมาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment :FDI) รวมถึงปัจจัยสนับสนุนภายนอกอื่น ๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งตัวสูงขึ้น  รวมทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้อีกครั้ง  “เมื่อภาคเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าฟื้นตัว เจ้าของกิจการและผู้บริหารต่างก็มองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจ กรุงศรี ได้นำเสนอสามบริการหลักที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ในยุคที่ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็วนี้ ด้วยบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจที่มาพร้อมความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกของกรุงศรีที่ช่วยส่งเสริมห่วงโซ่คุณค่า การทำธุรกรรมข้ามประเทศแบบทันที และการสแกนชำระเงินข้ามประเทศผ่านคิวอาร์โค้ด  โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายที่แข็งแกร่งของเราอย่าง MUFG เราจึงสามารถมอบบริการและให้คำปรึกษาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเติบโตไปได้ไกลกว่าตลาดในประเทศไทยในยุคหลังโควิด-19” นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าว

 ภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน

การอุปโภคบริโภคถือเป็นส่วนที่สำคัญของจีดีพีในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม รวมถึงประเทศลาวและกัมพูชา ซึ่งมีส่วนแบ่งการอุปโภคบริโภคในส่วนของจีดีพีมากกว่า 50% จึงคาดการณ์ว่าจะมีการดีดตัวกลับที่รุนแรงและรวดเร็วของการอุปโภคบริโภคในภูมิภาคอาเซียนในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ที่อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรแล้วอย่างน้อย 80%ตัวเลขการค้าปลีกและการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยังแสดงให้เห็นทิศทางในการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคยิ่งมีความมั่นใจ และกระตุ้นให้เกิดการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มเติมจากส่วนนี้การส่งออกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอาเซียนดำเนินต่อไปตามปกติ ในปี 2565 การส่งออกของอาเซียนจะยังคงได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก และผู้ส่งออกสินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภค อย่างประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็ควรใช้ประโยชน์จากราคาสินค้าที่ดีดตัวขึ้นโดยในส่วนของแนวโน้มอัตราค่าระวางการขนส่งล่าสุดที่จะเป็นแรงส่งสำคัญในการส่งออก ได้แก่ ค่าขนส่งที่สูงขึ้น และข้อจำกัดด้านความจุระวางขนส่งก็มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถแก้ไขได้ตามลำดับ  “ตลาดอาเซียนมีโอกาสทางธุรกิจมากมาย และเรามองว่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นตลาดที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง” นายไพโรจน์ กล่าวเสริมเพื่อเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่ออาเซียน กรุงศรีได้เพิ่มบริการที่จำเป็นสำหรับช่วยให้ธุรกิจไทยมีโอกาสที่ดียิ่งขึ้นในตลาดอื่นนอกเหนือจากตลาดในประเทศไทย

บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ: เป็นบริการที่ กรุงศรี ทำงานร่วมกับธนาคารพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียนในเครือข่ายของ MUFG โดยให้บริการที่ปรึกษาผ่านการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากความเชี่ยวชาญด้านอาเซียน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ประกอบไปด้วย บริการ Cross-border Value Chain Advisory จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำแก่ธุรกิจที่กำลังมองหาลู่ทางในการขยายธุรกิจไปต่างแดน พร้อมด้วยองค์ความรู้ โซลูชันใหม่ๆ ที่มาเสริมในการให้คำปรึกษา และ Value Chain Solutions ที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจในต่างแดนเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงบริการ Thai Desk ในกัมพูชา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับองค์กรธุรกิจและผู้ประกอบการไทยที่เข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชา  การโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันทีจากการร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ปัจจุบัน กรุงศรี มีบริการโอนเงินระหว่างธนาคารได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งทำให้การชำระเงินและการโอนเงินระหว่างประเทศมีความง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์โค้ดในขณะที่การสแกนชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดนั้นมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย กรุงศรีได้นำการชำระเงินรูปแบบนี้มาให้ลูกค้าได้ใช้งานแล้วในประเทศญี่ปุ่น และ อินโดนีเซียเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา

นอกจากบริการหลักทั้งสามอย่าง ซึ่งธนาคารพร้อมจะช่วยสนับสนุนลูกค้าเพื่อขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศไทยแล้ว กรุงศรียังได้ร่วมมือกับธนาคารในอาเซียนเพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่ออาเซียนซึ่งถือเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของการดำเนินธุรกิจในปี 2565  ในประเทศกัมพูชาเองแม้ว่าจะได้รับผลจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม แต่ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศซึ่งอยู่ในเครือของกรุงศรีอย่าง Hattha Bank PLC ยังได้รับการจัดระดับเสถียรภาพที่ BBB+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ในปี 2565 นี้ จากการจัดอันดับของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ธนาคารนำเสนอบริการ Thai Desk เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจที่วางแผนขยายกิจการในกัมพูชา รวมถึงเปิดให้บริการรับชำระเงินและโอนเงินแบบเรียลไทม์จากกัมพูชาไปยังธนาคารกรุงศรีอยุธยาในประเทศไทย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่าใช้จ่ายกับโปรโมชันค่าบริการทำธุรกรรมเพียง 2.5 ดอลลาร์ต่อครั้ง

สำหรับ SHB Finance ในประเทศเวียดนาม ปัจจุบัน กรุงศรี กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการรับอนุมัติจากธนาคารรัฐแห่งเวียดนามให้สามารถโอนธุรกิจทุนก่อตั้งของ SHB Finance จำนวน 50% ไปยังกรุงศรีในปีแรก และที่เหลืออีก 50% ในอีกสามปีให้หลัง ปัจจุบัน SHB มีบริการสินเชื่อส่วนบุคคล พร้อมกับการมุ่งเน้นด้านสินเชื่อดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และยังวางแผนที่จะเปิดตัวบัตรเครดิตในเร็ว  ๆ นี้ เพื่อให้สอดรับกับการใช้จ่ายในกลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีการเติบโตสูง  ในประเทศฟิลิปปินส์ กรุงศรี มีบริการสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อคาร์ฟอร์แคช (Car4Cash) และสินเชื่อสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ ร่วมกับ SB Finance ซึ่งเป็นธนาคารพันธมิตรในประเทศ เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันอย่าง Zuki ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสมัครขอสินเชื่อได้โดยตรงจากแอปเมื่อจะซื้อสินค้าต่าง ๆ อาทิ รถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น

ในประเทศอินโดนีเซีย กรุงศรี ร่วมกับ Bank Danamon ซึ่ง MUFG P2P Remittance Network ได้ช่วยให้สามารถโอนเงินได้ทันทีทั้งการโอนผ่านบริษัทตัวกลางและการสแกนชำระเงินข้ามประเทศผ่านคิวอาร์โค้ด  “แม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจีนมีการชะลอตัว แต่เราเชื่อว่ายังมีโอกาสอีกมากในการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน กรุงศรีได้ขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งของการเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค ซึ่งทำให้กรุงศรี โดยการสนับสนุนจาก MUFG ในปัจจุบันมีเครือข่ายและกิจการอยู่ทั่วทั้งภูมิภาค ที่พร้อมจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของเราได้ก้าวไกลต่อไปนอกเหนือจากตลาดในประเทศไทย และด้วยรากฐานที่มั่นคงของเราในอาเซียน ไม่เพียงจะเป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค แต่ยังแสดงถึงความพร้อมที่จะให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ และเป็นพันธมิตรกับลูกค้าของเราเพื่อช่วยให้พวกเขานำพาธุรกิจให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ในอาเซียน” นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม