อำเภอซื่อเฉิงในมณฑลเจียงซีทางภาคตะวันออกของจีน ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บ้านเกิดของศิลปะโคมไฟจีน” อันเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 1,000 ปี และดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลกในปัจจุบันศิลปะโคมไฟอำเภอซื่อเฉิงเป็นศิลปะพื้นบ้านที่ผสมผสานโคมไฟ ดนตรี การเต้นรำ งิ้ว จิตรกรรม การตัดกระดาษ งานไม้และไม้ไผ่ ซึ่งมีความหลากหลายและมีประวัติอันยาวนาน โดยโคมไฟมีความสวยงามโดดเด่น การเต้นรำก็นุ่มนวลอ่อนหวาน ดนตรีก็ไพเราะชวนให้เคลิบเคลิ้ม รูปแบบที่นำเสนอก็แปลกใหม่และสร้างสรรค์ในปี 2551 โคมไฟอำเภอซื่อเฉิงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ศิลปะโคมไฟอำเภอซื่อเฉิงได้รับความนิยมในหมู่ชาวบ้านตั้งแต่ยุคราชวงศ์ถังใต้ (พ.ศ. 1480-1519) คนในท้องถิ่นเชื่อว่าต้นกำเนิดของโคมไฟมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีท้องถิ่น โดยชาวซื่อเฉิงเรียกผู้ชายว่า “ติง” ซึ่งพ้องกับคำว่า “โคมไฟ” ในภาษาท้องถิ่น บอกเป็นนัยถึง “การมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” และ “การมีทั้งทรัพย์สมบัติและทายาท” ความสุกสว่างและสวยงามของโคมไฟจึงเป็นสัญลักษ์ของความเจริญรุ่งเรือง
บรรพบุรุษชาวจีนแคะ (ฮากกา) ในอำเภอซื่อเฉิงได้รังสรรค์ศิลปะโคมไฟที่มีรูปแบบและความหมายอันหลากหลาย เพื่อความบันเทิง การสรรเสริญ การขอพร และการบวงสรวงเทศกาลตรุษจีนเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ และชาวบ้านในอำเภอซื่อเฉิงก็ฉลองเทศกาลสำคัญนี้ด้วยการประดับโคมไฟอย่างวิจิตรงดงามก่อนถึงวันตรุษจีน ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่ศาลบรรพชนเพื่ออัญเชิญโคมไฟ รับพร และรอให้ถึงวันตรุษจีน โดยในวันแรกของเทศกาลตรุษจีน ชาวบ้านจะตีฆ้องและกลอง รับโคมไฟ และขอพร นับเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับโคมไฟที่สำคัญที่สุดของอำเภอซื่อเฉิง นอกจากนี้ ในเทศกาลและโอกาสต่าง ๆ ชาวซื่อเฉิงก็ประดับโคมไฟในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแสดงความยินดีและเฉลิมฉลอง โคมไฟที่ส่องสว่างท่ามกลางเสียงฆ้องและกลองจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของอำเภอซื่อเฉิง