Nothing แบรนด์เทคโนโลยีในลอนดอน ได้ทำการเปิดตัว Ear (2) ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายที่ได้รับการดีไซน์แบบโปร่งใสอีกเช่นเคย ซึ่งแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของ Nothing อย่างชัดเจน และยังได้รับการปรับแต่งให้ดียิ่งขึ้น เพื่อประสบการณ์เสียงอันทรงพลังขั้นสูงสุด Ear (2) มอบประสบการณ์เสียงอันทรงพลังอย่างแท้จริง เพราะได้รับการรับรองคุณภาพเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) และมีเทคโนโลยี LHDC 5.0 ผู้ใช้ยังสามารถสร้างโปรไฟล์เสียงส่วนตัวของตนเองได้โดยทำการทดสอบการได้ยินผ่านแอป Nothing X จากนั้น Ear (2) จะปรับการตั้งค่าอีควอไลเซอร์แบบเรียลไทม์เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด หูฟังมีไดร์เวอร์ขนาด 11.6 มม. ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อเสียงเบสที่ลึกและทรงพลังและเสียงสูงที่ชัดใส และได้รับการออกแบบ Dual-Chamber ใหม่ที่จะมาช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงโดยรวม ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Ear (2) ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน พร้อมทั้งมีการอัปเกรด Clear Voice Technology ที่สามารถป้องกันเสียงลมและผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี และการอัปเกรดของการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟส่วนบุคคลที่จะถูกปรับให้เข้ากับรูปร่างหูของผู้ใช้แต่ละคน
Carl Pei ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nothing กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ทำการเปิดตัว Ear (2) ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่สำคัญของ Ear (1) หูฟังรุ่นแรกของเรา ซึ่งมียอดขายมากกว่า 600,000 ชิ้น” “เราได้ปรับโครงสร้างทุกอย่างใหม่ทั้งหมด และใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดสำหรับ Ear (2) เพื่อสร้างประสบการณ์การฟังส่วนตัวที่ดีที่สุด”
เสียงสมจริงอย่างแท้จริง
Ear (2) ได้รับการรับรองคุณภาพเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) เพื่อสัมผัสประสบการณ์เสียงอันดื่มด่ำ เสมือนพาคุณไปยังสตูดิโอบันทึกเสียง เทคโนโลยีตัวแปลงสัญญาณ LHDC 5.0 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้สัมผัสเสียงในทุกรายละเอียด เพราะถูกถ่ายทอดโดยความถี่สูงถึง 24 bit/192 kHz ที่ความเร็วสูงสุด 1 Mbps Ear (2) มีไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 11.6 มม. พร้อมไดอะแฟรมที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ ดังนั้น Ear (2) จึงมีประสิทธิภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น การผสมผสานระหว่างวัสดุโพลียูรีเทนและกราฟีนที่ออกแบบใหม่ทำให้สามารถถ่ายทอดความถี่สูงที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเสียงเบสที่นุ่มลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้การออกแบบ Dual-Chamber ที่ไม่เหมือนใครยังทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ลื่นไหลและเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ปรับแต่งใหม่เพื่อความใสมากยิ่งขึ้น
Ear (2) ได้รับการปรับแต่งครั้งยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงรุ่นแรกของ Nothing โดยจะมอบประสบการณ์การฟังที่เป็นส่วนตัวและไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน โปรไฟล์เสียงส่วนตัว Clear Voice Technology และการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟที่มีความล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา
การเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน
Ear (2) สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน ซึ่งผู้ใช้สามารถสลับระหว่างการเล่นเพลงหรือรับสายได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงบนแล็ปท็อปและต้องรับสายจากโทรศัพท์ Ear (2) จะแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติเมื่อมีสายเรียกเข้า และสามารถกดรับสายได้อย่างง่ายดายโดยใช้ปุ่มควบคุมแบบกดบนหูฟัง และเมื่อวางสาย หูฟังก็จะกลับมาเล่นเพลงจากแล็ปท็อปต่อโดยอัตโนมัติ
โปรไฟล์เสียงส่วนตัว
Nothing ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงที่สามารถตอบสนองความต้องการในการฟังของแต่ละคน Ear (2) อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์เสียงส่วนตัวด้วย ID การได้ยิน หลังจากทำการทดสอบการได้ยินในแอป Nothing X แล้ว Ear (2) จะปรับระดับอีควอไลเซอร์แบเบเรียลไทม์ให้ตรงกับการได้ยินของผู้ใช้มากที่สุด เพื่อประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุด
Clear Voice Technology
Ear (2) มี Clear Voice Technology ที่ดีที่สุดของ Nothing เพื่อการโทรที่ชัดเจนที่สุด โดย Ear (2) สามารถกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างและเพิ่มคุณภาพเสียงของผู้ใช้ในระหว่างการโทรแบบเรียลไทม์ เพราะมาพร้อมกับไมโครโฟนความละเอียดสูงสามตัวบนหูฟังแต่ละข้างและอัลกอริทึมการลดเสียงรบกวนด้วย AI ที่สามารถกรองเสียงได้มากกว่า 20 ล้านเสียง
การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ
Ear (2) ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดของ Nothing ซึ่งสามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 40 dB และ Ear (2) จะมอบประสบการณ์การตัดเสียงรบกวนที่เหมาะสมที่สุด เพราะ Ear (2) มาพร้อมกับการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟส่วนบุคคลที่ถูกปรับให้เหมาะกับรูปร่างหูของผู้ใช้แต่ละคนและ Adaptive Mode ที่จะปรับระดับการลดเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น
Ear (2) สามารถเล่นเพลงได้นานถึง 36 ชั่วโมงหลังจากชาร์จจนเต็ม (เมื่อปิด ANC) และสามารถเล่นเพลงได้ 8 ชั่วโมงเมื่อชาร์จเพียง 10 นาทีผ่านการชาร์จด่วน Ear (2) ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายสูงสุด 2.5W และสามารถชาร์จแบบย้อนกลับกับอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันได้ เช่น Phone (1) Ear (2) สามารถตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยระดับการกันน้ำ IP54 สำหรับหูฟัง ในขณะที่เคสชาร์จได้รับมาตรฐานระดับ IP55 ซึ่งทำให้คุณสามารถอุ่นใจได้ยิ่งกว่าเดิม
เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายและแม่นยำยิ่งขึ้น Ear (2) ควบคุมโดยการกด ไม่ว่าจะเป็นการข้ามแทร็ก สลับระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวน หรือปรับระดับเสียง ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยบังเอิญได้เป็นอย่างดี การควบคุมสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละคนในแอป Nothing X ซึ่งเป็นแอปที่ครบวงจรสำหรับทุกฟีเจอร์ของ Ear (2) สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store และ App Store
การเชื่อมต่อด่วน
Ear (2) รองรับ Google Fast Pair บนอุปกรณ์ Android และ Microsoft Swift Pair บนอุปกรณ์ Windows เมื่อเชื่อมต่อกับ Phone (1) ในโหมดเกม หูฟังจะเปิดโหมดความหน่วงต่ำโดยอัตโนมัติ เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้ Phone (1) จะต้องเปิดโหมดความหน่วงต่ำด้วยตนเองในแอป Nothing X
การวางจำหน่ายและราคา
Ear (2) เปิดตัวในราคา 5,490 บาท โดยในวันที่ 23 มีนาคม – 27 มีนาคม จะมีตัวอย่างสินค้าให้คุณได้ทดลองสัมผัสประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดก่อนใครที่ dotlife 4 สาขา ดังนี้
● Central World
● Siam Paragon
● Icon Siam
● Mega Bangna
และสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ dotlife ทุกสาขา รวมถึง KOAN, Shopee และ Lazada Nothing Official Store พร้อมเริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งสามารถตรวจสอบร้านที่มีการวางจำหน่ายได้ที่ https://th.nothing.tech/
Post Views: 200