กรุงเทพฯ : SABINA เดินหน้ากระตุ้นยอดขายไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่อง หลังปิดแคมเปญช้อปปิ้ง 6.6 แบบสุดปังด้วยการโกยยอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ “ลาซาด้า” และคว้ารางวัล Consumer Choice จาก SHOPEE PARTNER AWARDS 2023 มั่นใจแรงส่งจากแคมเปญ BRALESS จากต้นปี และโปรโมชั่นมิดเยียร์หนุนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ขณะที่จุดเด่นของสินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่สนุกกับการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ยอมรับจับตาการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนทั้งค่าแรง และค่าพลังงาน มั่นใจไม่ได้รับผลกระทบ เหตุเตรียมแผนรับมือล่วงหน้า ทั้งการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยขึ้น ด้วยงบลงทุนราว 60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้แรงงานคน ล่าสุดเซ็นเอ็มโอยูกับ กฟผ. เพื่อปรับปรุงการใช้ไฟให้มีประสิทธิภาพขึ้น พร้อมมองมุมบวกขึ้นค่าแรงเพิ่มอำนาจซื้อประชาชน
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ SABINA ยังคงเดินหน้ากระตุ้นยอดขายต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยล่าสุดสามารถปิดแคมเปญ 6.6 ด้วยยอดขายสูงสุดในกลุ่มสินค้าแฟชั่น บนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ลาซาด้า และยังได้รับรางวัล Consumer Choice จากแพลตฟอร์ม Shopee ตอกย้ำความสำเร็จด้านการขายของ SABINA ที่ยังคงครองใจผู้บริโภค ซึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยเฉพาะแรงส่งจากสินค้าในแคมเปญ “บราเลส” (BRALESS) ที่ยังได้รับความสนใจต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี พร้อมกันนี้ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ SABINA ยังทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเด็ก “ซาบีน่า คิดส์” (SABINA KIDS) ที่ได้รับตอบรับอย่างคึกคัก เพราะเป็นช่วงเปิดเทอม และยังมีโปรโมชั่นมิดเยียร์ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน การที่สินค้าไม่ได้จำกัดแค่ชุดชั้นใน แต่ยังครอบคลุมชุดว่ายน้ำ ชุดลำลอง รวมถึงแอคเซสซอรี่ต่างๆ เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้การช้อปปิ้งของผู้บริโภคมีสีสันและสนุกมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังจับตามองปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนอย่างใกล้ชิด ทั้งปัจจัยค่าแรงและค่าพลังงานที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต โดยได้เตรียมความพร้อมรับมือตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ด้วยการวางแผนลงทุนด้านเครื่องจักรเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 60 ล้านบาทจากปกติจะใช้งบลงทุนในส่วนนี้ปีละ 10-20 ล้านบาท โดยจะเน้นใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการใช้กำลังคน พร้อมๆ กับพัฒนานวัตกรรมการผลิตให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารแบบ “ลีน” และ “ไคเซน” ซึ่งเป็นแนวทางที่ SABINA ดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว แต่จะทำให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุด SABINA ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟ รวมถึงปรับปรุงการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นพันธกิจด้านพลังงานที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ พร้อมกันนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม บริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการติดตั้งระบบพลังานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ โดยจะเริ่มจากโรงงาน 2 แห่ง ก่อนที่จะดำเนินการให้ครบทุกแห่งทั้ง 5 โรงงานทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนด้านพลังงานของบริษัทฯ ลดลง
“เรามั่นใจว่า จะไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะได้เตรียมรับมือไว้แล้ว ขณะเดียวกัน เรายังมีมุมมองเรื่องการขึ้นค่าแรงในอนาคตในทิศทางบวก เพราะ SABINA อยู่ในธุรกิจรีเทล ซึ่งจะได้รับผลดีจากการอำนาจซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อแรงงานมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ก็มีโอกาสจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดขายภายในประเทศของ SABINA เพิ่มขึ้นตามไปด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว