รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” ปี 4 จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พร้อมประกาศผลคัดเลือกผู้ประกอบการนมโคแปรรูป 5 ราย เตรียมนำสินค้านมแบรนด์ไทยวางจำหน่ายบนตลาดออนไลน์ในจีน และ Live Sale บนแพลตฟอร์มเถาเป่าของจีน พร้อมจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์และออฟไลน์กับคู่ค้าจีนในต้นปีหน้า นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่าได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมการตลาดให้เกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปของไทย ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและนมโคแปรรูปให้ไทยเหลือร้อยละ 0 แล้ว โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนและจีน “การช่วยหาตลาดให้เกษตรกรนมโคและผู้ประกอบการสินค้านมของไทย เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น เนื่องจากนมเป็นหนึ่งในสินค้าที่ไทยต้องเตรียมความพร้อมรับการแข่งขันในตลาดโลกที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้านมสามารถขยายการส่งออกผ่านช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้เพิ่มขึ้น สอดรับกับการค้ายุควิถีใหม่ที่สืบเนื่องมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยีและสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น” นายสินิตย์เสริม
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลว่า โครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สำหรับในปีนี้ ได้พัฒนารูปแบบการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 มากขึ้น โดยได้จัดอบรมบูธแคมป์ติวเข้มเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ผ่านมาตรฐานส่งออกของไทยและต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการโคนมที่ผ่านการคัดเลือก 5 ราย จะได้เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าจีน และทำ Live Sale จำหน่ายผลิตภัณฑ์บนแพล็ตฟอร์มเถาเป่าของจีนด้วย นางอรมน เพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 กรมฯ ได้จัดประกวดนำเสนอแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิสัยทัศน์ และคณะกรรมการได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ 5 ราย ได้แก่ (1) บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด (2) บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (3) บริษัท บุณยเกียรติ ไอศกรีม จำกัด (4) บริษัท แมรี่ แอน แดรี่โปรดักส์ จำกัด และ (5) สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โดยคณะกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการพิจารณาจากหลักเกณฑ์ เช่น เป็นผู้ที่กระบวนการผลิตได้รับมาตรฐานการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงาน GACC ของจีน และได้รับมาตรฐาน EST. จากกรมปศุสัตว์ ที่พร้อมส่งออกไปตลาดจีน มีการใช้วัตถุดิบน้ำนมจากเกษตรกรภายในประเทศ มีความพร้อมส่งออกไปตลาดจีน มีการใช้นวัตกรรมในการผลิตที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดจีนได้ รวมทั้งมีแผนธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จาก FTA ในการส่งออก และมีการวางแผนกลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ โดยหลังจากนี้ กรมฯ จะนำผู้ประกอบการทั้ง 5 ราย เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ในวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2564) ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมสู่ตลาดโลก มูลค่า 486.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน (ส่งออก 407.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.6%) ฮ่องกง (ส่งออก 21.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.2%) จีน (ส่งออก 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.0%) และกานา (ส่งออก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 40.8%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และนม UHT