ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ชั้น 4 – 5 ไอคอนสยาม และล่าสุดเปิดสาขาใหม่ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับมรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดลงในงานผ้าอันวิจิตร ภายในงานนิทรรศการผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่ “ICONCRAFT Thai Textile Heroes” จัดแสดงและจำหน่ายชิ้นงานผ้าไทยรังสรรค์โดยศิลปินครูศิลป์ของแผ่นดินผู้ปลุกชีวิตผ้าไทย อาทิ คุณมีชัย แต้สุจริยา แห่งบ้านคำปุน จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วย คุณวีรธรรม ตระกูลเงินไทย แห่งบ้านจันทร์โสมา จ.สุรินทร์ และการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชื่อดัง ASAVA, Hook’s by Prapakas และ WISHARAWISH กับกลุ่มทอผ้าพื้นบ้านไทย บ้านตุ้มทอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญภายในงาน พบกับการเปิดตัวคอลเลคชั่นกระเป๋าผ้าไหมไทยสุดพิเศษจากแบรนด์ Sirivannavari Bangkok ที่มีเพียง 35 ใบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการนำผ้าทอมือลายโบราณจากทั่วทุกจังหวัดที่หายาก และสินค้าที่ผลิตจากผ้าไทยต่างๆ อาทิ ชุดเดรส เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ จากดีไซเนอร์ชื่อดังแถวหน้าในเมืองไทยมาจำหน่ายภายในงานอีกด้วย
คุณปารีสา จาตนิลพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ‘ไอคอนคราฟต์’ เป็นเวทีแสดงศักยภาพและสนับสนุนส่งเสริมผลงานของสุดยอดช่างฝีมือไทยจาก 77 จังหวัด ทั่วประเทศกว่า 500 แบรนด์ ผ่านการส่งต่อความภูมิใจของผลงานคราฟต์ของคนไทยให้คนทั่วโลกได้รู้จักและ ชื่นชม พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกันกับชุมชนท้องถิ่น จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้คนรักงานคราฟต์อย่างแท้จริง เพื่อสืบทอดภูมิปัญญามรดกหัตถกรรมไทย พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดสู่การค้าขายในเวทีโลก รวมถึงส่งเสริมกลุ่มบุคคลพิเศษผู้พิการผู้ด้อยโอกาสจากทั่วประเทศได้แสดงความสามารถหรือนำผลิตภัณฑ์มาวางจำหน่าย อีกทั้งส่งต่อแรงบันดาลใจจากยอดฝีมือช่างคราฟต์ไทยด้วย กิจกรรม workshop และ Installation ที่ให้ทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งของงานคราฟต์อีกด้วย โดยครั้งนี้ ไอคอนคราฟต์ จึงได้จัดงาน “ICONCRAFT Thai Textile Heroes” นิทรรศการผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินผู้สร้างสรรรค์งานผ้าไทยร่วมกับเหล่าดีไซเนอร์ผ้าไทยรุ่นครู ที่มาช่วยกันรังสรรค์ผลงานผ้าไทยสุดวิจิตรมาจัดแสดงให้ชมกัน
ภายในงานนิทรรศการผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินผู้สืบสานงานหัตถศิลป์มรดกของวัฒนธรรมไทย รังสรรค์ผลงานผ้าไทยสุดวิจิตรมาจัดแสดงให้ชมกัน อาทิ คุณมีชัย แต้สุจริยา (คุณเถ่า) ผู้ก่อตั้งบ้านคำปุน และพิพิธภัณฑ์คำปุน จ.อุบลราชธานี ที่ได้พัฒนาผ้ามัดหมี่ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานมัดหมี่กับงานเกาะล้วง และ จก จนเป็นที่รู้จักและยังฟื้นฟูผ้าทอยกทองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยทรงยกย่องว่ามีคุณภาพดีกว่าผ้ายกทองเชียงใหม่ และผ้าซิ่นทิวมุก ให้กลับมาเป็นผ้าที่ทอในอุบลราชธานีจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ในปี 2543 ได้ออกแบบและคิดค้น “ผ้ากาบบัว” ให้เป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำ จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับความนิยมแพร่หลาย และมีผลให้เกิดการฟื้นฟูการทอผ้า และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น จนได้รับรางวัลศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ และในปี 2559 ได้รับเชิดชูเกียรติให้เป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน โดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ( องค์กรมหาชน ) SACICTอีกด้วย
อีกทั้งยังมีผลงานผ้าสุดประณีตจากครูศิลป์ของแผ่นดินอีกท่าน อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ก่อตั้งกลุ่มทอผ้ายกทอง ‘จันทร์โสมา’ หมู่บ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อการทอผ้า และแรงบันดาลใจที่ทำให้อาจารย์ปรารถนาจะสืบสานการทอผ้า ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนต่อไป สำหรับผ้ายกของบ้านท่าสว่าง เป็นผ้ายกที่ทอลายราชสำนักเช่นกัน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนี้ ภายในนิทรรศการครั้งนี้ ยังมีการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชื่อดัง ASAVA, Hook’s by Prapakas และ WISHARAWISH ที่สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับชาวนาชาวไร่ กลุ่มทอผ้าตุ้มทอง บ้านนาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ โดยนำเสนอชุดในดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์ของแต่ละแบรนด์ สุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 8 ชุดเท่านั้น
ภายในงานได้เชิญ กลุ่มผ้าไหมพื้นบ้าน กลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ บ้านสวาย จ.สุรินทร์ มาร่วมจัดแสดงในนิทรรศการผ้าไทยครั้งนี้ ซึ่งเป็นชุมชนที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมการทอผ้ามายาวนานหลายร้อยปี บ้านสวายมีชื่อเสียงด้านการผลิตผ้าไหมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสุรินทร์ จุดเด่นอยู่ที่กรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อนมีความยาก ต้องใช้ความสามารถ และอาศัยทักษะความชำนาญในการทอ โดยเฉพาะการทอผ้าไหมมัดหมี่ยกดอก ซึ่งทำให้ผ้ามีเนื้อแน่นใส่ได้ทนทาน ทว่ายังความนุ่มพลิ้วไหวและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังมี ผ้าผืน แบรนด์ดังมาร่วมจำหน่ายภายในงาน อาทิ Bantrokkhae กลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค ผ้าพื้นเมืองเอกลักษณ์ของท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช, Mantra ผ้าที่เน้นอนุรักษ์ลายโบราณ เน้นความประณีต เทคนิคโบราณต่างๆ และส่งเสริมการใช้สีธรรมชาติ, Khwan มูลนิธิขวัญชุมชนจากอำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และ Silk Fusion ผ้าไหมแต้มหมี่ การพัฒนาเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากงานมัดหมี่ดั้งเดิม เป็นต้น
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญภายในงาน พบกับการเปิดตัวคอลเลคชั่นกระเป๋าผ้าไหมไทยสุดพิเศษจากแบรนด์ Sirivannavari Bangkok โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) Sirivannavari Bangkok Craftsmanship Showcase ในคอลเลคชั่นพิเศษ กระเป๋าทรงออกแบบครั้งนี้ พระองค์ทรงพระราชทานผ้าไหมไทยส่วนพระองค์ ที่เป็นผ้าไหมพื้นเมืองจากกลุ่มผู้ทอผ้าต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนและสร้างรายได้ให้กลุ่มผู้ทอผ้า พร้อมทั้งทรงออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษกระเป๋าแฟชั่นรูปแบบผสมที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยรูปทรงของกระเป๋าถูกพัฒนาจากกระเป๋าถือทรงตะกร้าโบราณกับกระเป๋าถัง (Bucket Bag) เพิ่มความโดดเด่นจากงานฝีมือชั้นเยี่ยมจาก Sirivannavari Embroidery Atelier and Academy ด้วยงานปักแบบฝรั่งเศส ตราสัญลักษณ์นกยูงของแบรนด์และตัวอักษร “S” สัญลักษณ์ของแบรนด์อย่างประณีตถือว่าเป็นการเชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทอผ้าไหมพื้นเมืองของไทยที่ผสมผสานกับศิลปะงานปักแบบฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว
ร่วมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับมรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดลงในงานนิทรรศการผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินผู้สร้างสรรรค์งานผ้าไทย และงานจากช่างฝีมือไทยทั้งงานศิลปะ ประติมากรรม, ของตกแต่งบ้าน, จาน ชาม เซรามิก, และเครื่องประดับที่มีดีไซน์ เป็นต้น ได้ที่ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 และ ชั้น 5 ไอคอนสยาม โดยยังคงเน้นมาตรการในการเว้นระยะห่าง และการดูแลรักษาความสะอาด การฆ่าเชื้อโรคต่างๆ เป็นสำคัญ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1338 หรือ www.iconsiam.com