“มาคาเลียส” (Makalius) สตาร์ทอัพธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย แนะนโยบายภาครัฐ เตรียมเปิดประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวภายใน 120 วัน ทำได้แต่ควรทำอย่างรอบครอบ และมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบดูแล พร้อมทั้งเร่งมาตรการดูแลคนในก่อนรับคนนอก อย่างการฉีดวัคซีนให้คนในประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ปล่อยนโยบายเงินกู้ช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนด้านผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวด่านหน้า ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้พนักงานอย่างครบทั่ว ควบคุมสุขอนามัยอย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวเองต้องเคารพกฎ ดูแลสุขอนามัยตัวเอง ไม่ละเลย
นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “จากการที่รัฐบาลได้แถลงการณ์ถึงการตั้งเป้าเอาไว้ว่าประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ (16 มิถุนายน) ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากพร้อมได้เร็วกว่าก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้ว ควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อห้ามที่สร้างความยากลำบาก รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรที่จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศของตัวเองได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกัน โดยบริษัทฯ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าธุรกิจท่องเที่ยว ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศไทย แต่ทั้งนี้การเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวต้องทำอย่างรอบครอบ และพิจารณาให้รอบด้าน เพราะหากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขึ้นอีกจะกลายเป็นสึนามิการท่องเที่ยวลูกที่ 4 ของประเทศไทย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาต่อกลุ่มธุรกิจอื่นๆ
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงคือ “การดูแลคนในก่อนรับคนนอก” ด้วยการจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอและเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70% ของจำนวนประชากรประเทศไทยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดและการเสียชีวิต และควรมีระบบการตรวจคัดกรองโรคอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการตรวจได้จำนวนมาก เพื่อนำมาใช้ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงนโยบายการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อนำไปฟื้นฟูธุรกิจให้พร้อมรับมือกับการเปิดประเทศ พร้อมทั้งจัดทำแผนบูรณาการด้านการท่องเที่ยวด้วยการร่วมมือและผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมไปถึงกลุ่มชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยว การกำหนดแนวทางการแก้ไข ดูแล และป้องกัน หากเกิดวิกฤตขึ้นอีกครั้ง
นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “ทางด้านผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมธุรกิจให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยการสนับสนุนและช่วยเหลือให้บุคลากรในองค์กรเข้ารับวัคซีนอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งควบคุมมาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างในการให้บริการอย่างเข้มงวด ทั้งการทำความสะอาด การรักษาระยะห่าง การจัดเตรียมที่นั่งแบบส่วนตัว รวมถึงการเร่งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการเช็คอิน การสั่งอาหาร การเรียกพนักงาน ใช้เพื่อลดการสัมผัสและเพิ่มมูลค่าให้กับบริการ เป็นต้น
ทางด้านนักท่องเที่ยวเองก็ยังคงต้องให้ความร่วมมือรักษาสุขอนามัยกับส่วนรวมตามกฎของแต่ละสถานที่ที่ไปท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามจำนวน แต่ก็ยังคงต้องส่วนหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งฉีดพ้นสเปร์แอลกอฮอล์หลังสัมผัสหรือจับสิ่งของสาธารณะต่างๆ