วันที่ 17 ธันวาคม 2564 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (สสท.) จัดพิธีมอบโล่และเกียรติบัตร ฉลากสิ่งแวดล้อมและการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ผลิตและผู้ให้บริการที่มิตรกับสิ่งแวดล้อม กว่า 100 บริษัทเพื่อแสดงความยินดีและขอบคุณที่ให้การสนับสนุนการผลิตและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา แจ้งวัฒนะ โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ฉลากสิ่งแวดล้อมกับโอกาสของภาคธุรกิจ” เพื่อผู้บริโภคได้รับทางเลือก ในการซื้อสินค้าและเลือกใช้บริการ สร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสทางการค้า ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และ ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้เกียรติมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา กล่าวว่า สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้ริเริ่มงานฉลากเขียวมาตั้งแต่ปี 2536 โดย ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ สมอ. ให้การรับรองฉลากเขียวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 28 ปี นำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฉลากเขียวสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐตามนโยบาย สินค้าที่ได้รับฉลากเขียว เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ผู้ผลิต ผู้บริโภค ได้มีส่วนช่วยกันในการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสินค้าดังกล่าวผ่านกระบวนการผลิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน โดยสินค้ายังมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ปัจจุบันมีสินค้าฉลากเขียวที่อยู่ในทะเบียนรายชื่อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จำนวน รายการ 486 จากทั้งสิ้น 1,385 รายการ นอกจากนี้ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ยังได้ดำเนินงานด้านการรับรองที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การรับรองฉลากเขียว ฉลากลดคาร์บอน อาคารลดคาร์บอน และพลังงานหมุนเวียน โดยความร่วมมือของหน่วยงานเครือข่ายเพื่อแสดงถึงบทบาทและแนวปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบการไทย ในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ นับได้ว่าเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะส่งผลให้ประเทศบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดทั้งในด้านการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยเองยังไม่มีมาตรการหรือกฎหมายบังคับให้ผู้ประกอบการ ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นสินค้าและบริการที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตสินค้าและการให้บริการนั้น ๆ
ดร.วิจารย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับรองด้านสิ่งแวดล้อม จะทำให้ผู้บริโภคได้รับทางเลือก ในการซื้อสินค้าและเลือกใช้บริการ สร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางการค้า เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ อีกทั้งเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ผลิตปรับปรุงกระบวนการผลิต การได้มาซึ่งวัตถุดิบและผลิตสินค้าที่ปลอดสารอันตราย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย มีส่วนร่วมในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และผู้ผลิตยังได้ลดต้นทุนการผลิตจากการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ลดการใช้พลังงานฟอสซิล เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสให้กับธุรกิจ เนื่องจากหลักเกณฑ์ของมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เน้นหลีกเลี่ยงการเบียดเบียนธรรมชาติ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ จึงทำให้ผู้ได้การรับรองมีจุดที่แตกต่างจากคู่แข่ง ดึงดูดผู้บริโภคให้พิจารณาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดสินค้ากลุ่มอาคารเขียว (Green Building) และ การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green procurement) นอกจากนี้ยังสร้างความตระหนักให้สังคมใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ เสริมสร้างภาพลักษณ์ มีส่วนช่วยให้การตัดสินใจซื้อได้ดีขึ้น สินค้านั้นมีมาตรฐานที่รับรองโดยหน่วยงานหรือองค์กรที่ไม่มีส่วนได้เสีย ช่วยตอบโจทย์การเลือกใช้งานได้ตรงตามความต้องการทั้งของผู้ซื้อและผู้ใช้ ผลทางอ้อมยังเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายหันมาใส่ใจในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม ไม่เพียงแต่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริม ผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ถือเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ให้ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ในการรับผิดชอบต่อสังคมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร ผ่านการผลิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเสียงตอบรับของหลายบริษัทหลังจากที่ได้การรับรองในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เป็นไปในทางที่ดี ทั้งในเรื่องของความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภครวมทั้งเจ้าของแบรนด์ที่เป็นเจ้าของสินค้า มีความมั่นใจว่าตัวสินค้ามีคุณภาพที่ดี มีมาตรฐานการผลิตที่เป็นหลักสากล มีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน ในอนาคตหวังว่าจะมีผลิตภัณฑ์ บริการ รวมถึงอาคารที่ได้การรับรองด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ