ความตกลงปารีสปี 2558 ระบุไว้ว่า ทุกประเทศจำเป็นต้องตอบสนองต่อภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับก่อนยุคอุตสาหกรรม และทุ่มเทในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสหากเป็นไปได้ เพื่อสำรวจบทบาทของมณฑลกุ้ยโจวในการพัฒนาแบบคาร์บอนต่ำและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม นักข่าวจาก Huanqiu.com จึงได้เดินทางไปยังมณฑลกุ้ยโจวเพื่อขอสัมภาษณ์ มณฑลกุ้ยโจวเป็นหนึ่งในพื้นที่ทดลองอารยธรรมนิเวศวิทยากลุ่มแรกของจีน ปัจจุบันมณฑลกุ้ยโจวกำลังสร้างระบบพลังงานที่สะอาด คาร์บอนต่ำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยพลังงานสะอาดนั้นคิดเป็นสัดส่วน 52.9% มากกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ 8.1%
นอกจากนี้ มณฑลกุ้ยโจวยังอยู่ระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย โดยมณฑลกุ้ยโจวมีขีดความสามารถทางพลังงานใหม่ที่ติดตั้งแล้วเกิน 15 ล้านกิโลวัตต์ในปี 2563 ซึ่งผลิตพลังงานสะอาดไปแล้ว 7.893 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ทั้งยังลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 61.54 ล้านตัน
มณฑลกุ้ยโจวได้รุกสำรวจโมเดลใหม่อย่าง “อินเทอร์เน็ต + การสร้างระบบนิเวศ + การบรรเทาความยากจนเจาะกลุ่มเป้าหมาย” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มณฑลกุ้ยโจวได้มีการตั้งโครงการบรรเทาความยากจนโดยใช้คาร์บอนซิงค์แบบต้นไม้เดี่ยว จนมียอดขายคาร์บอนซิงค์แตะ 41.26 ล้านกิโลกรัมต่อปี ขณะที่ยอดคาร์บอนซิงค์ที่แลกเปลี่ยนได้อยู่ที่ 12.378 ล้านหยวนต่อปี นักข่าวจาก Huanqiu.com ได้สัมภาษณ์คุณ Zhiliang Wu จากครอบครัวยากจนในหมู่บ้านต้าถังของมณฑลกุ้ยโจว เขาได้เข้าร่วมโครงการบรรเทาความยากจนโดยใช้คาร์บอนซิงค์แบบต้นไม้เดี่ยว และก็เพิ่งขายคาร์บอนซิงค์ไป ซึ่งเงินก็ได้โอนเข้าบัญชีธนาคารพิเศษ
คุณ Zhiliang Wu กล่าวว่า “แต่ก่อนนั้น ผมได้แต่หวังให้ต้นไม้โตเร็ว ๆ จะได้เอาไปใช้ซ่อมบ้าน ผมไม่ได้คิดเลยว่าการดูแลต้นไม้ให้ดีจะช่วยทำเงินให้ผมได้” ในยุคที่ปัญหาโลกร้อนและประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นที่สนใจทั่วโลก ความสำเร็จของมณฑลกุ้ยโจวในการสร้างระบบนิเวศและการพัฒนาคาร์บอนต่ำ ได้กลายเป็นแบบอย่างและหลักสำคัญของจีน