TATA Projects Limited หนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานที่เติบโตรวดเร็วที่สุดและครองใจชาวอินเดียมากที่สุด ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ (kV) ความยาว 41.42 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญในประเทศไทย
กลุ่มบริษัท TATA Projects Ltd. และ TEDA Company Ltd. ชนะประมูลโครงการก่อสร้างสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยทางกลุ่ม TATA Project-TEDA ดำเนินการก่อสร้างสายส่งในส่วนหลักคิดเป็นความยาว 41.42 กม. จากความยาวสายส่งรวมทั้งสิ้น 78.5 กม.
สายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500kV ช่วงร้อยเอ็ด 2-ชัยภูมิ 2 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการนี้จะรองรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid : APG) ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ของรัฐบาล
Mr Vivek Gautam, COO – Transportation and T&D, TATA Projects Ltd กล่าวถึงโครงการที่มีความพิเศษนี้ว่า “เราภูมิใจที่ดำเนินโครงการอันทรงเกียรตินี้ได้สำเร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ความสำเร็จของการดำเนินโครงการในครั้งนี้ทำให้เราเป็นที่ยอมรับในส่วนธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งถือเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใหม่สำหรับเรา โครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี และการจัดการที่เป็นเลิศของเรา และจะช่วยให้เราสามารถคว้าโครงการเช่นเดียวกันนี้ได้มากขึ้นในภูมิภาคที่มีความสำคัญแห่งนี้”
สำหรับโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของไทยนั้น กลุ่มบริษัท TATA Projects เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ใช้ระบบป้องกันการตกจากที่สูง (Safety Fall Protection) ในระหว่างการติดตั้งและขึงสายไฟฟ้า (erection and stringing) ของโครงการนี้ โดยมีการนำเข้าอุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูงมาจากอินเดีย
ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญสำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่ง 500kV ในประเทศไทยนั้นมีอยู่อย่างจำกัดมาก โดยแทบไม่มีผู้รับเหมาช่วง (sub-contractor) ที่สามารถทำงานให้กับโครงการ 500kV ในประเทศไทย จึงกล่าวได้ว่าโครงการนี้ได้มอบโอกาสมากมายให้กับ sub-contractor รายเล็ก ๆ (115 & 230 kV) ในประเทศไทยให้สามารถทำงานร่วมกับโครงการ 500kV ภายใต้การชี้แนะโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญของ TATA Projects ซึ่งในที่สุดแล้วโครงการนี้จะช่วยเพิ่มทรัพยากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะแรงงานไทยสำหรับการดำเนินโครงการ 500kV ในอนาคต