ตอกย้ำจุดแข็งของเว็บด้วยการอัพเดทข้อมูลยางรถยนต์ทุกเดือนจาก 12 ศูนย์บริการยางและเว็บชั้นนำ เผยผู้ใช้รถยังคงให้ความสำคัญกับ ยี่ห้อยาง ในการค้นหา มากถึง 27% และ แบรนด์ที่ครองใจผู้ใช้รถยังคงเป็น บริดจสโตน และ มิชลิน เยลโลไทร์ดอทคอม เว็บไซต์เปรียบเทียบยางรถยนต์ได้ขึ้นเป็นเว็บไซด์ยานยนต์ด้านยางรถยนต์ อันดับหนึ่งของประเทศไทย คาดสิ้น 2564 นี้ จะมีผู้ใช้เว็บรวมกว่า 1.2 ล้านคน เฉลี่ยหนึ่งแสนคนต่อเดือน การดำเนินงานที่ผ่านมาได้เน้นการใช้ Customer Centric เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เข้าเว็บไซต์ ที่ต้องการหาข้อมูลตามสโลแกน “เยลโลไทร์ดอทคอม เรื่องยาง… เราเทียบให้คุณก่อนซื้อ”
นายวิทยา คุณาวิชยานนท์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ เยลโลไทร์ดอทคอม เปิดเผยว่า การเป็นเว็บไซต์ผู้นำข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์ในเวลาเพียงสองปีนั้น เราต้องตอบคำถามสิ่งที่ผู้เข้าเว็บมองหาในโลกออนไลน์ให้ได้ ยางของฉันมีไหม? มีอะไรให้เลือกบ้าง? ราคาเท่าไหร่? มีโปรอะไรบ้าง? ที่ไหนขายบ้าง? ร้านยางอยู่ที่ไหน? เราได้ใช้คำถามเหล่านี้ มาพัฒนาเว็บไซต์เยลโลไทร์ดอทคอม ให้เป็นเว็บที่ลูกค้ามาที่เดียวแล้วได้คำตอบครบ
จุดแข็งที่สุดของ YellowTire.com คือการมีข้อมูลที่มากกว่าในทุกด้าน เราอัพเดทข้อมูลยางรถยนต์ทุกเดือนจาก 12 ศูนย์บริการยางและเว็บชั้นนำ ได้แก่ Auto1, Autobacs, Blackcircles, B-Quik, Cockpit, FIT Auto, Grip, Lazada, MMS Bosch, Shopee, Tyrepac และ TyrePlus โดยยางรถยนต์ที่แสดงหน้าเว็บไซต์มีมากถึง 22 ยี่ห้อ ได้แก่ Apollo, BF Goodrich, Bridgestone, Continental, Dayton, Deestone, Dunlop, Falken, Firestone, Goodride, Goodyear, Giti, GT Radial, Hankook, Kumho, Maxxis, Michelin, Nankang, Nexen, Nitto Tire, Pirelli, Toyo Tires และ Yokohama มียางกว่ามี 278 รุ่น และมีรายการยางรวม 3,157 รายการ
การอัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ ของศูนย์บริการยางตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ที่สนใจค้นหายางที่เข้าเว็บไซต์เยลโลไทร์ดอทคอม ได้ทราบข้อมูลที่ครบถ้วนและอัพเดทที่สุดแล้วนั้น ร้านค้ายางทั่วไป ก็ยังเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าใช้งานเว็บอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปรียบเทียบราคายางรถยนต์ที่จะขายให้กับลูกค้า และเช็กข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่นของศูนย์บริการยางชั้นนำอีกด้วย
อีกส่วนสำคัญที่ทำให้คนเข้าเว็บมากขึ้น คือการทำคอนเทนต์ที่ตอบสนองกับสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้ เช่น การดูแลรักษายาง ความแตกต่างของยางรถรุ่นต่างๆ เทคโนโลยียางรุ่นใหม่ ฯลฯ เมื่อผู้ใช้รถสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์แต่ละรุ่นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน และเป็นกลาง จึงตอบโจทย์การใช้งานที่ตรงใจกับผู้ใช้ทำให้ YellowTire.com ขึ้นแท่นเป็นผู้นำเว็บไซด์ข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์ได้ในที่สุด นอกจากการให้ข้อมูลที่อัพเดทแล้ว การออกแบบเว็บไซต์ก็เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง เพราะการออกแบบที่ดีนั้น ต้องทำให้ลูกค้าสะดวก หาข้อมูลได้ง่าย ใช้งานง่าย และต้องใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม โดยแน่นอนว่าปัจจุบันมีการใช้งานผ่านมือถือเป็นหลัก มากกว่า 80%
นายวิทยา คุณาวิชยานนท์ กล่าวเสริมอีกว่า “จากข้อมูลที่เราได้จาก Google Analytics ของเว็บ Yellowtire.com พบว่า ผู้หญิง เข้าใช้งานหาข้อมูลในเว็บไซต์ เพิ่มมากขึ้นถึง 14.47% (จากสัดส่วน ชาย 51.55% หญิง 48.45%) และ อายุที่เข้าเว็บมากที่สุด เปลี่ยนจากช่วงอายุ 25-34 ปี เป็น 35-44 ปี โดยผู้ใช้โดยรวม เป็นกลุ่มช่วงอายุ 25-54 ปี 72.94% ในส่วนของจังหวัดที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด ยังคงเป็น กรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่คือ ชลบุรี นครราชสีมา เชียงใหม่ และขอนแก่น ตามลำดับ หากดูตามประเภทในการค้นหาพบว่า ผู้ใช้งานค้นหายางสำหรับรถยนต์นั่งมากที่สุด รองมาคือ ยางรถกระบะ ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว ที่เน้นการหายางรถกระบะมากกว่า หากพิจารณาการค้นยางตามขนาดล้อพบว่า การค้นหายางขอบ 15 นิ้ว มากที่สุดถึง 26% รองลงมาคือ ยางขนาด 17 นิ้ว, 16 นิ้ว, 18 นิ้ว และ ขนาด 20 นิ้ว ตามลำดับ
ในปี 2564 การค้นหาขนาดยางมีการเปลี่ยนแปลงโดยจะเห็นได้ว่าการค้นหายางรถกระบะ หรือ SUV นั้นได้เน้นไปที่ยางกระบะสำหรับการขนส่งมากขึ้น (ยางขนาด 215/70R15 และ 225/75R15) อาจมีผลจากเรื่องการขนส่งสินค้าที่มีการขยายตัวมากขึ้น ส่วนยางสำหรับรถยนต์นั้นยังคงเน้นที่ขนาดล้อ 15 นิ้วสำหรับรถเก๋งขนาดกลางเล็กเป็นส่วนใหญ่ สำหรับรุ่นยางในการค้นหานั้น ผู้ใช้รถกระบะ และ SUV ยังคงเน้นไปที่ลายดอกยางที่ดูสวยงาม ดูลุยๆ สมบุกสมบันเป็นสำคัญ แต่ในปี 2564 นั้นมีการค้นหายางรุ่นที่ใช้สำหรับรถบรรทุกมากขึ้น ส่วนยางรถยนต์นั่งนั้น รุ่นยางยังคงคล้ายๆ เดิมโดยมีการค้นหายางยี่ห้อมิชลินมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า
ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อตลาดยางประมาณ 40-50% โดย คาดการณ์ว่าตลาดจะมีการขยายตัวในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 นี้ จากข้อมูลที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าผู้ใช้รถ มีการเปลี่ยนแปลงการเลือกสินค้า เพราะฉะนั้น ร้านค้ายางจึงต้องปรับตัวตามข้อมูล โดยYellowtire.com มีข้อแนะนำสำหรับร้านยางทั่วไทยดังนี้
- เน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อในตลาด ลูกค้าที่มีผลกระทบน้อยจากเศรษฐกิจ คือ กลุ่มพนักงานบริษัท และ กลุ่มบริษัทขนส่งสินค้าที่มีการขยายตัวสูง
- เน้นให้ความสำคัญกับข้อมูล ควรเก็บข้อมูลลูกค้าในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการบริหารงาน เช่นลูกค้าของเราเป็นกลุ่มไหน มารับบริการวันไหน เวลาไหน อยู่ที่ไหน เป็นต้น
- เก็บสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าปัจจุบันไม่ต้องการรอสินค้า ดังนั้น การเลือกสต็อกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จะทำให้มีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น โดยต้องเก็บข้อมูลความต้องการของลูกค้ามาปรับสต็อก
- ผ่อนชำระ ยังเป็นเงื่อนไขที่ดี ถึงแม้ว่าการผ่อนจะไม่ได้มีผลในการดึงลูกค้ามากมายนักในปัจจุบัน แต่ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ การแบ่งจ่ายจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- พัฒนาการบริการ ช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะพัฒนา การให้บริการ โดยการพัฒนานี้รวมตั้งแต่ พนักงาน ความรู้ความเชี่ยวชาญของช่าง ขั้นตอนการให้บริการ สถานที่ให้บริการ สิ่งเหล่านี้รวมๆกันจะสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการต่อผู้รับบริการได้อย่างดี
- Go Online ถึงแม้ว่าธุรกิจยางรถยนต์จะเป็นสินค้าที่ไม่สะดวกต่อการส่งสินค้าไปที่หน้าบ้านลูกค้า การขายผ่านออนไลน์จึงมีความลำบากมากกว่าธุรกิจอื่น เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการ แต่การมี online นั้นจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามากขึ้น และอาจใช้เป็นการนัดหมายการเข้ารับบริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกมากขึ้น รวมถึงการติดต่อผ่าน online จะทำให้เรารู้จักพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย
“ข้อมูลลูกค้า การให้บริการ และ Online จะเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้ร้านยางประสบความสำเร็จในอนาคต หากไม่ปรับตัวในเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มรูปแบบ การขายยางจะเป็นเรื่องยากในอนาคตเว็บไซต์เยลโลไทร์ดอทคอม ยินดีที่จะเป็นส่วนช่วยให้ร้านยางไทยได้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ โดยเปิดให้ร้านยางสามารถส่งข้อมูลมาเพื่อเพิ่มร้านค้าในหน้าเว็บ Yellowtire.com ได้ฟรี ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ช่วยให้ร้านยางเป็นที่รู้จักจากผู้ใช้รถที่ตรงกลุ่มมากที่สุด