ประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SME เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมากถึง 3 ล้านราย จากเดิมอยู่ที่ 2.7 ล้านราย ส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นคิดเป็น 83% ของการจ้างงานทั้งหมด หากพิจารณาด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมของ SME ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคิดเป็น 42.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ จากเดิมอยู่ที่ 37%
การเติบโตดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ SME เอง ที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยผลิตสินค้าที่ดี มีมาตรฐาน และอีกปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือการได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ ผ่านโครงการต่าง ๆ ทั้งในด้านการสร้างเครือข่าย การสนับสนุนแหล่งเงินทุน รวมไปถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จะทำให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง
นอกจากการส่งเสริมจากภาครัฐแล้ว ในส่วนของภาคเอกชนก็มีการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SME เช่นกัน โดยที่ผ่านมา
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย ได้มอบโอกาสด้านธุรกิจ ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรหลายหมื่นคน ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปทั่วประเทศ
“ซีพี ออลล์ ดำเนินธุรกิจมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 31 ปี ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญคือความรับผิดชอบต่อลูกค้า ดังนั้นสินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จะต้องมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขอนามัย ซึ่งนอกจากผู้บริโภคจะได้ซื้อสินค้าที่ดีมีคุณภาพแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SME ไทยได้เติบโตด้วยการนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น อีกทั้งยังส่งต่อโอกาสนี้ไปยังเครือข่ายเกษตรกรที่ป้อนวัตถุดิบให้กับผู้ประกอบการ SME ให้มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี นับเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งและพร้อมเติบโตไปด้วยกันกับเรา” สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน “วันแห่งโอกาสดี @ CP ALL” ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตามปณิธานขององค์กรที่ต้องการสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน
โดยในงานวันแห่งโอกาสดี @ CP ALL ได้มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อมอบโอกาสในมิติ ต่าง ๆ ทั้งโอกาสทางอาชีพ โอกาสทางการศึกษา รวมทั้งโอกาสทางธุรกิจที่มอบให้กับผู้ประกอบการ SME ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการเหล่านี้กลายเป็นพันธมิตรที่ดีของซีพี ออลล์ นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาให้ความรู้ด้านการค้าขายและการตลาดโดยผู้เชี่ยวชาญและ SME ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจกับเซเว่น อีเลฟเว่น และยังมีการมอบรางวัลเซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2561 การจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษจากผู้ประกอบการ SME และสินค้าเกษตรกว่า 250 บูธ
ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการ SME 2 ราย ที่ได้รับโอกาสทางธุรกิจจากซีพี ออลล์ และได้มาแบ่งปันประสบการณ์ในงานวันแห่งโอกาสดี @ CP ALL ต่างมีความรู้สึกดีใจที่สินค้าของตนเองได้จำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทำให้ธุรกิจเติบโตและมีรายได้มาจนถึงทุกวันนี้
“บังอร วันน้อย” ผู้ประกอบการ SME “น้ำพริกป้าแว่น” กล่าวว่า “กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ชีวิตต้องผ่านอุปสรรคและวิกฤติหนี้สิน เริ่มต้นจากการทำน้ำพริกซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองมีความถนัด และฝากขายตามร้านค้าต่าง ๆ ในจังหวัดชลบุรี แต่ช่วงปี 2549 ที่มีเหตุชุมนุมประท้วง ทำให้ร้านค้าขายสินค้าไม่ได้ ต้องส่งน้ำพริกคืน มีน้ำพริกค้างสต๊อกเป็นจำนวนมาก เงินที่ลงทุนไปติดลบทำให้เกิดหนี้สิน และสะสมมาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงปี 2554 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ จนทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 30 กว่าล้านบาท ช่วงนั้นชีวิตเหมือนล้มละลาย แต่เมื่อได้รับโอกาสจากซีพี ออลล์ ให้นำน้ำพริกเข้าไปเสนอ ด้วยรสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคและการผลิตที่ได้มาตรฐาน จึงทำให้ได้รับโอกาสนำสินค้าไปวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันน้ำพริกป้าแว่นได้ขยายโรงงานผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภค และมียอดการผลิตน้ำพริกหลายแสนกระปุกต่อเดือน”
สิ่งที่ทำให้น้ำพริกป้าแว่นประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ นอกจากการได้รับโอกาสทางธุรกิจจากซีพี ออลล์ เป็นใบเบิกทางแล้ว สิ่งสำคัญนั่นคือ ความซื่อสัตย์และจริงใจต่อผู้บริโภค รวมไปถึงการไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าของตนเอง ซึ่งปัจจุบันน้ำพริกป้าแว่นมีหลากหลายสูตร และมีรสชาติที่ครองใจผู้บริโภค โดยในอนาคตจะมีการคิดสูตรน้ำพริกใหม่ ๆ ออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ “สมยศ คำเพ็ง” เกษตรกรผู้ปลูก “กล้วยหอมทอง” อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งในผู้ที่ได้รับโอกาสทางธุรกิจจากซีพี ออลล์ กล่าวว่า “เดิมเป็นผู้จัดการโรงแรมและอยู่ในอาชีพนี้มานานกว่า 10 ปี เมื่อถึงจุดที่ชีวิตเปลี่ยนในปี 2555 ต้องลาออกจากงานประจำ เพื่อมาสานต่อการทำสวนกล้วยหอมทองของครอบครัว แม้ว่ากล้วยหอมทองของ อ.ท่ายาง จะขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อที่แน่นและรสชาติที่หอมหวานถูกใจผู้บริโภค แต่ในขณะนั้นตนเริ่มต้นจากการขายที่ตลาด ซึ่งเป็นการขายโดยตรงระหว่างเกษตรกรกับผู้ซื้อ จึงทำให้ได้ราคาถูกเพียงลูกละ 70 สตางค์เท่านั้น เมื่อได้มีโอกาสาขายผ่านสหกรณ์การเกษตรท่ายาง ทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้นในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ข้อดีของการขายผ่านสหกรณ์ฯ คือ มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือ การจำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากปัจจุบันร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากวันที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ นับว่าเราเติบโตขึ้นมาก ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่การปลูกจากเดิม 2 ไร่ เป็น 7 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้น”
ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ขอเพียงผู้ประกอบการ SME กล้าที่จะเดินเข้าหาโอกาส และต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเอง มุ่งมั่นและตั้งใจที่จะผลิตสินค้าที่ดีและได้มาตรฐานตรงใจผู้บริโภค ซึ่งซีพี ออลล์ พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดัน SME และเกษตรกรไทย ให้เข้มแข็งและเติบโตไปด้วยกัน ตามปณิธานขององค์กร “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”