รุงเทพฯ (17 สิงหาคม 2564) — กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมผลักดันนวัตกรรมบริการ cross-border QR payment ชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ระหว่าง “ไทย-อินโดนีเซีย” ให้ธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัย ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ พร้อมเปิดให้บริการผ่านกรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชัน (KMA) ในเดือนกันยายน 2564 นี้ และหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและสามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ กรุงศรีพร้อมสนับสนุนให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง ยกระดับสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้กับลูกค้าไทยและอินโดนีเซีย ตอกย้ำการขับเคลื่อนแผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรี

นางยิ่งลักษณ์ คงคาสัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน กลุ่มงานธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)นางยิ่งลักษณ์ คงคาสัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน กลุ่มงานธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นวัตกรรมบริการ cross-border QR payment เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียน หรือ ASEAN Payment Connectivity ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอื่นในภูมิภาค ASEAN เพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงินในระดับภูมิภาค อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกรุงศรีในการมุ่งขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Expansion) ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางของธนาคาร โดยกรุงศรีใช้ศักยภาพความเชี่ยวชาญที่มีในการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ให้ลูกค้าคนไทยสามารถใช้กรุงศรี โมบาย แอปพลิเคชัน (KMA) สแกนคิวอาร์ของร้านค้าเพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการในอินโดนีเซียได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งลูกค้าจะเห็นยอดการชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท รู้อัตราแลกเปลี่ยนทันทีด้วยอัตราพิเศษกว่าการชำระด้วยบัตรเครดิต ขณะเดียวกันลูกค้าของธนาคารในอินโดนีเซียก็สามารถใช้โมบายแอปพลิเคชันที่ร่วมให้บริการในการสแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน ทำให้การทำธุรกรรมข้ามประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น”

ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศได้ นวัตกรรมบริการ cross-border QR payment นี้จะตอบโจทย์การใช้งานในกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ทำงานในอินโดนีเซียและชาวอินโดนีเซียที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก และหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
กรุงศรีเชื่อมั่นว่าบริการดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานกลุ่มลูกค้ารายย่อยได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งกรุงศรีพร้อมผลักดันให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง

“นอกจากนวัตกรรมบริการ cross-border QR payment ระหว่างไทยและอินโดนีเซียที่กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยแล้ว กรุงศรีกำลังเร่งพัฒนาความร่วมมือในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านธนาคารพันธมิตรภายใต้เครือข่ายของ MUFG เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำธุรกรรมการค้าระหว่างไทยและอินโดนีเซียให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งคาดว่าสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4/2564 นี้ อีกด้วย” ก่อนหน้านี้ กรุงศรีประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำในการทำธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าคนไทยในการชำระเงินผ่านโมบายแอปพลิเคชันด้วยการสแกนคิวอาร์ และยังเตรียมขยายไปประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง