Dell PowerMax มอบการลดทอนข้อมูลที่ดีขึ้น มาพร้อมแดชบอร์ดแสดงการใช้พลังงานแบบเรียล-ไทม์ และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม

  • PowerMaxOS 10.1 ล่าสุดจากเดลล์ส่งมอบประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 2.8 เท่า สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ได้มากถึง 82% และประหยัดค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 207,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 9 ล้านบาท
  • PowerMaxOS 10.1 ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ของลูกค้าดียิ่งขึ้นด้วยการอัปเดตโครงสร้าง Zero Trust architecture ใหม่
  • การตรวจสอบสถานะและประสิทธิภาพการทำงานของระบบโดยอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่ จะนำเอาการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) เข้ามาใช้เพื่อหาจุดในการจัดโครงสร้างสตอเรจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศประสิทธิภาพและคุณสมบัติใหม่ล่าสุดของ Dell PowerMax ระบบสตอเรจความจุสูง (high-density) อันทันสมัยสำหรับเวิร์กโหลดที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (Mission-Critical) ต่อการดำเนินงานขององค์กร ทั้งนี้ PowerMaxOS 10.1 ที่อัพเดทใหม่นี้เข้ามาช่วยยกระดับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ของเดลล์ในเวลาเพียง  6 เดือนหลังจาก Dell PowerMax เวอร์ชันล่าสุด ซอฟต์แวร์ที่ได้รับการอัปเดตใหม่ช่วยทำให้เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้นสำหรับองค์กรในการเพิ่มประสิทธิภาพของสตอเรจ ตลอดจนเสริมความแกร่งให้กับความมั่นคงปลอดภัยบนไซเบอร์ให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ให้ความยืดหยุ่นในการขยายขีดความสามารถ (Scale) ด้านความจุในการจัดเก็บ (Capacity) ตลอดจนประสิทธิภาพในการรองรับความต้องการทางธุรกิจรูปแบบใหม่ได้อย่างราบรื่น   “ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้น ลูกค้าของเราที่อยู่ในภูมิภาคนี้กำลังมองหาโซลูชันซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์สูงสุด” แดนนี่ อัลมาร์จี้ รองประธานฝ่าย Presales ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “ดังนั้น PowerMax 10.1 ซอฟต์แวร์ที่อัปเดตใหม่จะเข้ามาช่วยให้องค์กรมีความพร้อมและความเข้มแข็งเพื่อสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันยังยกระดับประสิทธิภาพ ความหนาแน่นของสตอเรจ และการลดขนาดข้อมูลอีกด้วย”

ส่งมอบประสิทธิภาพสตอเรจที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

องค์กรธุรกิจยังคงให้ความสำคัญกับการลดปริมาณการสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไปจนถึงการเพิ่มความสามารถในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตลอดจนถึงการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากโครงสร้างพื้นฐานของสตอเรจให้ลดน้อยลง ซอฟต์แวร์ใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานและมีความยั่งยืนมากขึ้น โดยวิธีดังนี้

  • การตรวจสอบพลังงานและสภาพแวดล้อมแบบเรียล-ไทม์ ตลอดจนการแจ้งเตือนโดยพิจารณาตามรูปแบบของการใช้งาน ปริมาณของพลังงานที่ถูกใช้งานสำหรับชิ้นส่วนทั้งหมดที่อยู่ภายในแร็ค (rack) ได้รับการตรวจวัดเพื่อดูแรงดันไฟฟ้า (voltage) กระแสไฟฟ้า (current) และคลื่นความถี่ เช่นเดียวกับการดูแลอุณหภูมิและความชื้นของแร็ค ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้ด้วยข้อมูลคุณภาพที่มีอยู่เพื่อการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • การเสนอแนะความสามารถในการย้ายข้อมูลแบบไดนามิก ที่ช่วยให้สามารถย้ายเวิร์กไปยังอาร์เรย์ต่างๆ ได้ เพื่อการใช้ทรัพยากรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
  • การพัฒนาเทคโนโลยีการบีบอัดและการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลด้วยการรับประกันการลดทอนข้อมูลใหม่แบบ 5:1 สำหรับระบบเปิด (open systems)
  • มอบประสิทธิภาพในการทำงานต่อวัตต์ที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 2.8 เท่า ซึ่งช่วยให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าด้สูงสุดถึง 207,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 9 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ได้มากถึง 82%

การเสริมสร้างความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ช่วยเร่งการใช้งาน Zero Trust

ทั้งนี้ รูปแบบด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐาน IT แบบดั้งเดิมที่สร้างอยู่บนพื้นฐานของ “ความเชื่อใจโดยปริยายโดยไม่มีการตรวจสอบตัวตน” หรือ “Inherent Trust” เป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป แนวคิดของ Zero Trust ซึ่งทำงานโดยไม่มีความเชื่อใจให้กับผู้ใช้ อุปกรณ์ หรือเครือข่ายใดๆ จึงต้องการการตรวจสอบและยืนยันตัวตน (Authentication) และการตรวจสอบหรือการยืนยันความถูกต้อง (Verification) อย่างต่อเนื่องคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติในปัจจุบัน ดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ กำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปสู่การนำแนวคิด Zero Trust มาใช้ รวมถึงหันมาใช้งานระบบจัดเก็บข้อมูลที่ช่วยป้องกันข้อมูลสำคัญและลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์  เดลล์ เทคโนโลยีส์ มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในการนำเสนอการผสานรวมของการตรวจจับการบุกรุกทางไซเบอร์ (Cyber Intrusion Detection) การทำสแนปช็อตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (Snapshot Immutability) และการทำ Cyber Vaults เพื่อการแยกข้อมูลออกจากเครือข่าย (Air-gapped Isolation)และการกู้คืนข้อมูลที่เร็วขึ้น

เวอร์ชันล่าสุดของ Dell PowerMax ช่วยยกระดับความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ ลดพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโดนโจมตีขององค์กร ตรวจจับการแทรกซึมได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความสามารถในการกู้คืนระบบหลังจากถูกโจมตี ซอฟต์แวร์เวอร์ชันอัปเดตนี้ได้เพิ่ม:

  • Transport Layer Security (TLS) version 1.3 เป็นเวอร์ชันล่าสุดและปลอดภัยที่สุดของโพรโตคอลการสื่อสารที่เข้ารหัสข้อมูล ซึ่งให้อัลกอริธึมการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเพื่อลดความเสี่ยงจากการดักฟังและการรั่วไหลของข้อมูล
  • Cyber Intrusion Detection for z Systems (zCID) เป็นโซลูชันตรวจจับการบุกรุกระบบเมนเฟรมบนสตอเรจแรกของอุตสาหกรรม ที่สามารถเฝ้าระวัง z/OS เวิร์กโหลดเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงหรือความแตกต่างที่เกิดขึ้นเป็นปกติในระบบ และสร้างกฎข้อบังคับที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการผู้ใช้ที่จะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบการบุกรุก
  • การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงของรูปแบบ I/O เพื่อการเฝ้าระวัง ตรวจจับ และแจ้งเตือนแรนซัมแวร์ และมัลแวร์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยระบุการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น
  • รองรับ Ignition Key  ความสามารถใหม่ในการจัดการข้อมูลที่ถูกจัดเก็บ (Data-at-rest) โดยยกระดับ External Key Managers เพื่อใช้ในการปกป้องการโจรกรรมอาร์เรย์ทางกายภาพ (Physical Theft)
  • Data Sanitizer ซึ่งใช้กระบวนการตามมาตรฐานของ NIST ที่ช่วยลบข้อมูลทั้งหมดก่อนที่จะยุติการใช้งานอาร์เรย์

เพิ่มระบบอัตโนมัติเพื่อก้าวให้ทันนวัตกรรม

เทคโนโลยียังคงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้ดูแลระบบไอทีจำเป็นต้องมีความสามารถในการทำโพรวิชันนิงรวมถึงการบริหารจัดกรได้โดยอัตโนมัติ โดยระบบ Dell PowerMax ได้รับการออกแบบให้มาพร้อมกับมาพร้อมกับระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาด (Intelligent Automation) การวิเคราะห์ข้อมูล AIOps ตลอดจน DevOps ขั้นสูง รวมถึงคอนเทนเนอร์เพื่อปรับปรุงการดําเนินงานและกําจัดความซ้ำซ้อน   การตรวจสอบสถานะและประสิทธิภาพการทำงานของระบบโดยอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่ใน Dell PowerMax นำเอาพลังของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (predictive analytics) มาใช้เพื่อค้นหาจุดที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ในเชิงรุก โดยการตรวจสอบรูปแบบข้อมูลที่ซับซ้อนผ่านเครื่องมือการเรียนรู้เชิงลึกแบบบูรณาการ เครื่องมือนี้จะช่วยระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและนำเสนอการดำเนินการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ พร้อมกำจัดความจำเป็นในการแทรกแซงจากผู้ดูแลระบบ การตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบโดยอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ ช่วยนำพลังของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์มาใช้เพื่อค้นหาจุดที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลได้เชิงรุก

Dell CloudIQ AIOps นําการปรับปรุงด้านการปฏิบัติงาน พลังงาน และความปลอดภัยใหม่มาใช้ เพื่อให้การพยากรณ์ การแจ้งเตือน การให้คำแนะนำ และสำคัญที่สุดคือการดำเนินการแก้ไขแก่ผู้ใช้ Dell PowerMax ในกรณีของการพยากรณ์ความจุ (Capacity) ประสิทธิภาพ (Performance) การกำหนดค่า (Configuration) และที่แน่นอน ความปลอดภัย (Security)  โดยการทำงานร่วมกัน PowerMaxOS 10.1 พ่วงด้วย CloudIQ ร่วมกันปรับปรุงผลิตภาพและประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูล พร้อมลดความเสี่ยงให้ในการใช้งาน   นอกจากนี้ การทำโพรวิชันนิ่งสตอเรจโดยอัตโนมัติสามารถทำได้ผ่าน REST APIs ซึ่งช่วยในการประหยัดเวลาและการทุ่มเทในการทำงานเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ NVMe/TCP utility ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์สำหรับจัดการทรัพยากรอัตโนมัติสามารถลดเวลาในการตั้งค่าทรัพยากร NVMe/TCP ได้มากถึง 44%

รับประโยชน์จากระบบเอนเทอร์ไพรซ์สตอเรจที่ชาญฉลาดมากขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น

การเปิดตัวการพัฒนาประสิทธิภาพและความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบก้าวกระโดดครั้งนี้ สร้างความก้าวหน้าอีกครั้งให้กับระบบ mission-critical storage ที่มีความปลอดภัยสูงสุดระดับโลก ช่วยให้องค์กรทางธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างการเติบโตให้กับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างปลอดภัย  Dell PowerMax สามารถช่วยให้องค์กรยืนหยัดอยู่แนวหน้าในเส้นทางของการปฏิรูปทางดิจิทัลด้วยการส่งมอบการลดทอนดาต้าระดับแอดวานซ์ พร้อมแดชบอร์ดแสดงการใช้พลังงานในแบบเรียล-ไทม์ ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dell PowerMax