อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ กลายเป็นภาคที่ต้องตอบสนองต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว อุตสาหกรรมนี้ใช้พลังงานมากมายในการขับเคลื่อนสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งระบบระบายความร้อน และเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของลูกค้า ซึ่งในหลายกรณี ต้องใช้น้ำจำนวนมากในการทำให้ระบบเย็นลง อย่างไรก็ตามหนึ่งในลูกค้าของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือ Digital Realty ได้นำร่องสู่ความยั่งยืนมากขึ้น และมีการนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง   Digital Realty คือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (real estate investment trust) REIT ที่เป็นทั้งเจ้าของ และมีการควบกิจการ รวมถึงพัฒนา และดำเนินการแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลระดับโลก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้ประสิทธิภาพความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งยืนยันด้วยการเป็นบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่ได้รับรางวัล ENERGY STAR Partner of the Year และเป็นรางวัลที่ได้รับติดกันสองปีซ้อน อีกทั้งทรัพยากรที่เกี่ยวข้องของ Digital Realty ทั้งสามสิบเอ็ดแห่ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตของ Digital Reality ที่ครอบคลุมในสหรัฐอเมริกา ยังได้รับการรับรองจาก ENERGY STAR เช่นกัน

การกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน

เนื่องจาก Digital Realty เป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านโซลูชันของโคโลเคชั่นดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างระบบคลาวด์รายใหญ่ที่สุด ความมุ่งมั่นในการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนสำหรับแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลระดับโลกชั้นนำ (PlatformDIGITAL®) จึงไม่ใช่งานเล็กๆ ในปี 2563 Digital Realty มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซในขอบเขต 1 และ 2 (ทางตรงและทางอ้อม) ลงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ในศูนย์ข้อมูลกว่า 290 แห่งที่ดำเนินงานใน 24 ประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้อยู่ที่ 1.5 องศา ซึ่งยืนยันโดยโครงการของ Science-Based Target Initiative เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573   ในภาพใหญ่ Digital Realty ตั้งเป้าวงจรชีวิตที่สมบูรณ์ของดาต้าเซ็นเตอร์ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน กระบวนการเริ่มต้นด้วยการจัดหาและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและพัฒนาไปสู่การปรับวงจรชีวิตการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสมเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และซัพพลายเชนเป็นระยะ เหล่านี้ สร้างขึ้นบนรากฐานของความมุ่งมั่นพยายาม โดยใช้ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (green bonds) พลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงกลยุทธ์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลน้ำ ความยืดหยุ่นที่รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวปฏิบัติในการสร้างอาคารสีเขียว เพื่อหาโซลูชันใหม่และนวัตกรรมในการควบคุมการปล่อยมลพิษโดยตรงจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงภายในซัพพลายเชน

ประสานความร่วมมือกับลูกค้าที่มุ่งเน้นความยั่งยืน

สำหรับ Digital Realty นอกจากความยั่งยืนจะดีต่อโลกแล้ว ยังดีต่อธุรกิจอีกด้วย ความมีประสิทธิภาพด้านทรัพยากรได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วหลายครั้งว่า ช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ เนื่องจากการใช้น้ำ และไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกทั้งยังสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ 90 % ของลูกค้าชั้นนำ 20 อันดับแรกของ Digital Realty จึงได้มีการเปิดเผยเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนต่อสาธารณะ  Digital Realty ได้นำความคิดเห็นของลูกค้าพร้อมกับความมุ่งมั่น มาใช้ในการตัดสินใจเพื่อช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่อง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสามประการในการวัดความยั่งยืนของบริษัทและผลกระทบทางจริยธรรม ยังทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในสายตาของนักลงทุน ในฐานะที่ Digital Realty เป็นหนึ่งในสิบของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (REIT) ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด Digital Realty ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับนักลงทุนรายหลัก เพื่อทำความเข้าใจลำดับความสำคัญและวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ESG

ใช้ตัววัดเพื่อการประหยัดพลังงาน

Digital Realty ใช้เมตริกหรือตัววัดที่ตรวจสอบได้รวมถึงองค์กรภายนอกเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้อง ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะที่เป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญของ Digital Realty พร้อมอีกบทบาทหนึ่งในการเป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลก กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้นำในการพูดคุยหัวข้อในเรื่องของความยั่งยืน ด้วยบทบาทของเราทั้งสองมุม ทำให้เราทราบดีว่าเราต้องมีข้อมูลในปริมาณมากเพื่อใช้เป็นกำลังสนับสนุนข้อเรียกร้องของเรา   ตัววัดประสิทธิภาพพลังงานที่น่าจับตามองของ Digital Realty คือค่า PUE (ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน) ซึ่ง  PUE เป็นค่าอัตราส่วนระหว่างการใช้พลังงานประจำปีของศูนย์ข้อมูล และพลังงานทั้งหมดที่เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ใช้ในแต่ละปี ซึ่งเป้าหมายของการลด PUE ของศูนย์ข้อมูลแบบโคโลเคชั่น ภายในปี 2565 อยู่ที่ 10 % (เทียบกับค่าพื้นฐานจากปี 2560) ซึ่งก็ทำได้สูงกว่าเป้า โดยสามารถลด PUE ได้ 11 % ทั้งนี้ Digital Realty ยังให้ข้อมูลแก่ลูกค้า ในระดับที่ลงลึกถึงลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ซอฟต์แวร์ PME ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของ PUE ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ PUE ได้ดียิ่งขึ้น

การประหยัดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญมาจากการใช้ LED ในดาต้าเซ็นเตอร์ และดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของ Digital Realty ก็ใช้แสงสว่างจาก LED ทั้งหมด เนื่องจากเป็นระบบไฟที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ระบบทำความเย็นยังมาจากการใช้ประโยชน์ของ “ฟรีคูลลิ่ง” เท่าที่จะสามารถทำได้ แม้แต่ในสภาพอากาศที่อบอุ่น เช่น ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย ศูนย์ข้อมูลหลายแห่งของ Digital Realty ใช้อากาศเย็นในตอนกลางคืนเพื่อระบายความร้อนเป็นเวลาหลายพันชั่วโมงในแต่ละปี เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในหลายแห่ง เช่น ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส Digital Realty ได้ทำข้อตกลงระยะยาวในการจัดหาพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 154 เมกะวัตต์  ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานในนามของ Digital Realty เพื่อเจรจาข้อตกลงในการซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบางส่วน ทำให้ พอร์ตโฟลิโอโดยรวมของ Greater Dallas ทั้งหมดของ Digital Realty ในปีนี้จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียนเกือบประมาณ 70%

นำข้อมูลมาใช้ในการอนุรักษ์น้ำ

ในไตรมาส 1 ปี 2564 Digital Realty ได้กลายเป็นผู้บริโภครายแรกที่ใช้น้ำรีไซเคิลและเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายแรกและรายเดียวที่เข้าร่วมเครือข่ายผู้ใช้น้ำรีไซเคิลของสมาคม WaterReuse (เครือข่ายสำหรับธุรกิจและหน่วยงานอื่นๆ ที่ใช้น้ำรีไซเคิล) การเป็นสมาชิกของบริษัทในเครือข่ายผู้ใช้น้ำรีไซเคิลนั้นรวมถึงการเป็น green designation WATER STAR® ซึ่งให้การยอมรับถึงความสำเร็จของ Digital Realty ในฐานะผู้ดูแลทรัพยากรน้ำในชุมชนท้องถิ่น  การประเมินการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Digital Realty ได้ข้อสรุปว่า ในปี 2563 กว่า 50 % ของน้ำที่นำมาใช้ในการทำให้ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เย็นลงนั้น มาจากแหล่งน้ำที่ไม่สามารถดื่มได้ โดยรวมแล้ว 43 % ของแหล่งน้ำทั่วโลกในปี 2563 มาจากแหล่งน้ำที่ไม่สามารถดื่มได้ที่อยู่ภายในเทศบาล หรือเป็นน้ำรีไซเคิลภายในไซต์งาน

ในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ข้อมูล Westin Building Exchange ของ Digital Realty ในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน จัดหาระบบทำความร้อนให้กับแคมปัส ของบริษัท Amazon ที่อยู่ติดกัน ซึ่ง Ecodistrict ใช้น้ำเย็นที่ถูกทำให้ร้อนจากอาคารเวสทินเพื่อสร้างความอบอุ่นแก่อาคารสำนักงานใหญ่ระดับโลกของอเมซอน ขณะที่น้ำเย็นจากอาคารของ Amazon จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ใน Westin เพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลเย็นลง  ในที่สุดระบบจะให้ความร้อนแก่พื้นที่สำนักงานประมาณ 5 ล้านตารางฟุต การรีไซเคิลพลังงานส่วนเกินจาก Westin คาดว่าจะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 80 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ตลอด 25 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ถ่านหิน 62 ล้านปอนด์ โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของเมืองซีแอตเทิลในการลดการปล่อยพลังงานในอาคารลง 38% จากปี 2551 ภายในปี 2573 และบรรลุสถานะคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2593

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ดังนั้น Digital Realty จึงใช้ตัวชี้วัด GRESB เพื่อทำการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงทางกายภาพสำหรับพอร์ตโฟลิโอของตน การประเมินความเสี่ยงรวมถึงการเพิ่มของระดับน้ำทะเล และความเครียดน้ำ (water stress) Digital Realty ใช้เครื่องมือมากมายในการประเมินการใช้น้ำและหนึ่งในนั้นคือเครื่องมือ Aqueduct ของสถาบันทรัพยากรโลก ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำและประเมินการใช้น้ำในภูมิภาคที่ขาดแคลนน้ำ

ถัดไปคือตัวชี้วัดซัพพลายเชน

Digital Realty ทราบว่าธุรกิจที่ยั่งยืนจะต้องได้รับแรงหนุนจากซัพพลายเชนที่”สะอาด” ดั้งนั้น Digital Realty จึงได้เริ่มให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของซัพพลายเออร์ เป้าหมายส่วนหนึ่งของโครงการ Science-Based Target Initiative คือการลดการปล่อยคาร์บอนในขอบเขตที่ 3 ลง 24% ต่อพื้นที่ภายในปี 2573  เรื่องนี้คือความพยายามอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง Digital Realty และ Schneider Electric ต่างทำงานร่วมกันได้อย่างดี เพราะเราได้แบ่งปันวัตถุประสงค์ร่วมกันอีกทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเหมือนกัน เรายังคงดำเนินการในเชิงรุกโดยการนำแนวทางใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมมาใช้ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Digital Realty ต่อไป เพื่อช่วยสร้างโลกและอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่ดีและยั่งยืนยิ่งขึ้น