ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับแผนในการเตรียมทัพนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงระหว่างวันที่ 23 กรกฏาคม – วันที่ 8 สิงหาคม 2564 ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย จะเข้าไปช่วยเติมเต็มให้กับสิ่งที่นักกีฬาต้องการ ซึ่งในโอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสของนักกีฬาไทย เพราะเราอาจจะได้เปรียบอีกหลายประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนักอยู่ แต่ตอนนี้นักกีฬากีฬาสามารถกลับมาฝึกซ้อม และเข้าร่วมการแข่งขันในบางรายการได้แล้ว เพราะฉะนั้นเชื่อว่าในวิกฤตครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสทองสำหรับนักกีฬาไทยในเรื่องของการเตรียมการให้ดีขึ้น และเน้นปรับแก้จุดอ่อนต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม
สำหรับความหวังเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังไม่กล้าระบุจำนวนว่าจะต้องได้กี่เหรียญ แต่ในอดีตที่ผ่านมาทัพนักกีฬาไทยคว้าเหรียญรางวัลได้จากแค่ 2 ชนิดกีฬาคือ มวยสากล และ กีฬายกน้ำหนัก แต่สำหรับครั้งนี้เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้การลุ้นเหรียญทองจาก 2 กีฬาดังกล่าว อาจไม่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามใน มวยสากล เรามีนักกีฬาดาวรุ่งขึ้นมามากมาย ซึ่งก็ยังมีความหวังคว้าเหรียญอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่พิเศษกว่าครั้งอื่นๆ คือ เรามีความหวังคว้าเหรียญทองได้ในหลากหลายชนิดกีฬา ไม่ว่าจะเป็น แบดมินตัน, กอล์ฟ และ เทควันโด ที่จะสามารถเป็นความหวังให้กับประเทศไทยได้ รวมถึงกีฬาม้ามืด อย่าง ยิงปืน ก็ยังสามารถมีเหรียญสอดแทรกเข้ามาได้ ดังนั้น 2 เหรียญทอง คิดว่าน่าจะทำได้
ขณะที่ในส่วนของการแข่งขันกีฬาคนพิการ พาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทัพไทยสามารถผ่านการคัดเลือกได้เข้าร่วมการแข่งขันได้เพิ่มขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทยได้พอสมควร เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ประเทศบราซิล ไทย ทำได้ 18 เหรียญ จาก 6 เหรียญทอง / 6 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง ครั้งนี้ขอเพียงรักษามาตรฐานครั้งที่แล้วไว้ได้ก็ดีใจแล้ว
นอกจากนี้ คนไทยยังจะได้มีโอกาสชมการถ่ายทอดสดทั้งโอลิมปิกเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงอยากให้คนไทยช่วยกันติดตาม และเชียร์ทัพนักกีฬาไทยในมหกรรมกีฬาใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ ส่วนตัวเลขความหวังคว้าเหรียญรางวัลนั้น ยังไม่อยากระบุ เพราะไม่อยากที่จะสร้างความกดดันให้กับตัวนักกีฬา