สกว.เปิดเวทีระดมสมองสำนักประสานงานและภาคีเครือข่าย เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ ‘สกสว.’ มุ่งถอดบทเรียนจากต้นทุนประสบการณ์ตลอด 27 ปีของ สกว. ให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ของประเทศ พร้อมยกระดับการสร้างคน สร้างงานวิจัยและนวัตกรรมทั้งระบบ
ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการ สกว. เป็นประธานการประชุมสำนักประสานงานและภาคีเครือข่าย สกว. “ภารกิจใหม่ของ สกว. และบทบาทของภาคีเครือข่าย” ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค เพื่อรายงานสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับโครงสร้าง หน่วยงาน บทบาทหน้าที่ และกลไกการทำงานของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงบทบาทของภาคีเครือข่ายกับภารกิจใหม่ ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยระดมสมองข้อเสนอแนะของผู้ประสานงานที่มาจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับบทบาทในการพัฒนาระบบวิจัยของ สกสว. จากประสบการณ์ยาวนาน 27 ปีนับแต่ก่อตั้ง สกว. เพื่อทำให้การทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและภาคีอื่น ๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ภารกิจใหม่ของ สกสว. คือ การจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ จัดสรรเงินทุน และเป็นกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำหรับบทบาทของภาคีเครือข่ายกับภารกิจใหม่ของ สกว. ในนามสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มีงานใหญ่ที่จะต้องดำเนินการ คือ ระบบ กลไกการพัฒนาระบบนิเวศของระบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ภารกิจขบองแต่ละภาคีในระบบสอดคล้องหรือไม่อย่างไร การบูรณาการการทำงานร่วมกัน และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ขณะที่งานใหม่ของ สกสว. และสำนักประสานงาน คือ ข้อเสนอต่อหน่วยงานที่จะรับงานนี้อย่างไร จุดแข็งที่มีและจุดอ่อนที่ผ่านมาจะแก้ไขอย่างไร รวมทั้งระบบ กลไกการทำงานในอนาคตที่เอื้อต่อความคล่องตัว และข้อเสนอแนะ ส่วนงานเก่าจะปิดโครงการเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร เชื่อมต่อการทำงานกับกลไกระบบใหม่อย่างไร จะถอดบทเรียนงานเดิมส่งมอบต่ออย่างไร และข้อเสนอแนะอื่น ๆ
ผู้อำนวยการ สกว. ระบุว่าบทบาทใหม่ของเรา คือ การสนับสนุน ส่งเสริม ขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นการดูแลเชิงระบบ โดยจัดสรรงบประมาณจากกองทุนไปสู่หน่วยงานวิจัย รวมถึงยกร่างยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเป็นการปฏิรูประบบครั้งสำคัญผ่านประสบการณ์การบริหารจัดการทุนวิจัยของ สกว. ออกแบบการทำแผนเพื่อให้เกิดผลกระทบในระบบของประเทศเพื่อให้สามารถก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางในอนาคต สิ่งที่เราอยากทำในขณะนี้ คือ การบริหารงบวิจัยโดยจัดสรรงบประมาณไปที่มหาวิทยาลัยโดยตรง ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยวิจัยให้เกิดผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ รวมถึงการริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ จึงหวังว่าจากนี้ไปทุกคนจะอดทนและช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ใกล้ชิดเสมือนเป็นเพื่อนกัน ทั้งนี้ การรับงบประมาณตรงจากสำนักงบประมาณในปี 2564 ทั้งหมดจะจัดสรรมาที่กองทุนเพื่อส่งต่อไปที่มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ซึ่งจะเป็นการลดขั้นตอนและระยะเวลา
สำหรับการระดมสมองจากผู้ประสานงานและภาคีเครือข่าย สกว. สรุปบทเรียนสำคัญได้ว่า จะต้องมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานและบุคลากร มีตัวเชื่อมโยงที่สอดรับกับเป้าหมายเพื่อให้ตอบโจทย์และเกิดผลกระทบที่แท้จริง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ วช. ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานให้ทุนแก่นักวิจัย โดยผู้ประสานงานส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลในช่วงเปลี่ยนผ่านว่าจะมีกลไก กระบวนการทำงาน และเชื่อมโยงอย่างไรให้งานดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ทั้งงานที่ยังทำอยู่และงานในอนาคต เพราะวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังต้องมีการสื่อสารสังคมถึงการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่เกิดขึ้น และการเตรียมพร้อมรับมือกับผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ภาคเอกชน เครือข่ายวิจัยในพื้นที่ เป็นต้น รวมถึงข้อกังวลเกี่ยวกับระบบสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยที่มีประเด็นสำคัญคือ ระบบมหาวิทยาลัยไม่เอื้ออำนวยต่อการทำวิจัย นักวิจัยยังไม่พัฒนาตัวเองเพื่อเป็นนักวิจัยมืออาชีพ ต้องร่วมกันสร้างความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยและบันไดอาชีพของนักวิจัย กระบวนการบริหารจัดการงานวิจัย หารือทิศทางการให้ทุนที่ชัดเจน และถอดบทเรียนเพื่อยกระดับการสร้างคนสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมทั้งระบบ
ในส่วนของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก งานชุมชนท้องถิ่นและพื้นที่ ซึ่ง สกว.มีเครือข่ายพี่เลี้ยงอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศนั้น ผู้ประสานงานมุ่งหมายให้งานวิจัยท้องถิ่นยังต้องคงอยู่ในระบบการบริหารทุนวิจัย เพราะเป็นพลังในการสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในพื้นที่ จึงมีข้อเสนอระยะสั้นว่าจะต้องมีการจัดตั้งกลไก 2 ระดับ คือ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการกำหนดกรอบทิศทาง และคณะทำงานซึ่งต้องอาศัยเครือข่ายพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ มาร่วมทำงานเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนงานเดิมในการทำงานร่วมกับพื้นที่ ส่วนการเตรียมความพร้อมระยะยาว น่าจะเป็นองค์กรวิจัยเพื่อท้องถิ่นที่มีรูปแบบชัดเจน อิสระคล่องตัว โดยจัดตั้งเป็นองค์กรอิสระหรือองค์การมหาชน ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อศึกษากลไกและความเป็นไปได้