กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โรคโควิด 19 ขณะนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยผู้ป่วยลดลงมากกว่าครึ่ง ผู้เสียชีวิต เฉลี่ย 8 รายต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 โดยมีปัจจัยจากการไม่ได้รับวัคซีน รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกำหนด แนะควรรับวัคซีนไม่น้อยกว่า 4 เข็ม หากเข็มสุดท้ายเกิน 4 เดือนควรรีบไปฉีดวัคซีนเข็มต่อไป
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำสัปดาห์ที่ 1 ปี 2566 วันที่ 1-7 มกราคม 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 997 ราย (เฉลี่ย 142 ราย/วัน) เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (สัปดาห์ที่ 52/2565) มีแนวโน้มพบผู้ป่วยรายใหม่ลดลงถึงร้อยละ 53 เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 382 ราย ลดลงร้อยละ 28, ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 247 ราย ลดลงร้อยละ 30 และมีผู้ป่วยยืนยันเสียชีวิต 58 ราย (เฉลี่ย 8 คน/วัน) ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม 608 มากถึง 57 ราย ปัจจัยหลักมาจากการไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนเพียงเข็มเดียว 32 ราย, ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น 16 ราย, ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มสุดท้ายนานเกิน 3 เดือน 10 ราย ในจำนวนนี้จะสังเกตุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ช่วง 3 เดือนก่อนป่วย ไม่พบการเสียชีวิตเลย วัคซีนมีส่วนช่วยในการลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน “กระทรวงสาธารณสุข ขอแนะนำให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อลดความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตหากติดเชื้อ โดยขณะนี้วัคซีนได้เตรียมพร้อม เพียงพอในทุกพื้นที่ จึงขอเน้นย้ำว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดมาจากประสิทธิผลของวัคซีนที่ได้รับ ประชาชนจึงยังควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หลังจากเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 ปีเดือน” นายแพทย์ธเรศกล่าว
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนได้รับวัคซีนโควิด 19 แล้วมากกว่า 146 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่หนึ่ง 57 ล้านโดส ครอบคลุมประชากร ร้อยละ 82.7, เข็มที่สอง 54 ล้านโดส ครอบคลุมประชากร ร้อยละ 77.7 และเข็มกระตุ้นเข็มที่สามมากกว่า 27 ล้านโดส, เข็มที่สี่ 6 ล้านโดส ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก คือ วัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นจะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน และขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ปรับให้วัคซีน Pfizer สูตรต้นตำรับ จำนวน 8 รุ่นการผลิต ที่ไทยนำเข้า ขยายอายุวัคซีนจาก 9 เดือน เป็น 15 เดือน เนื่องจากการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -60 ถึง -90 องศาเซลเซียส โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิออกนอกช่วงสภาวะการเก็บรักษา จะทำให้วัคซีนยังคงประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัย นอกจากนี้สำหรับประชาชนที่กังวลใจ หรือเคยมีอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนชนิด mRNA กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมวัคซีน AstraZeneca ไว้ให้บริการตามความสมัครใจ ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อเข้ารับบริการวัคซีนได้ตามความสะดวก หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422