กรุงเทพมหานครเปิดมาตรการแก้ไขพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ด้วยระบบกล้อง CCTV ร่วมกับเทคโนโลยี AI ตรวจจับผู้กระทำความผิด เช่น ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้า ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร จอดรถคร่อมทางม้าลาย ขับขี่ย้อนศร ปรับจริง 2,000 บาทต่อความผิด เพื่อลดการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง และสามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างแม่นยำ จากการทดลองติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI จำนวน 5 จุด โดยเก็บข้อมูล ระหว่างวันที่ 12-20 มิถุนายน 2566 พบกรณีความผิดที่ตรวจจับได้ 4,946 ราย อาทิ ขับขี่บนทางเท้า ฝ่าสัญญาณไฟ รถจอดล้ำหน้า จอดทับทางม้าลาย ขับรถโดยประมาท ขับรถย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับ จอดรถขวางทางจราจร โดยมีเป้าหมายติดตั้งกล้อง CCTV ให้ครบ 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ ภายในเดือนกันยายนนี้
เบื้องต้นกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI จะเชื่อมโยงกับกล้อง CCTV ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ สามารถตรวจจับป้ายทะเบียนรถได้และจะเชื่อมต่อไปที่ส่วนกลาง ส่งไปยังสำนักเทศกิจ กทม.เพื่อออกใบตักเตือนครั้งที่ 1 ภายใน 15 วัน กรณีที่ยังไม่จ่ายค่าปรับจะส่งใบตักเตือนครั้งที่ 2 ภายใน 15 วัน รวมเป็น 30 วันหากภายใน 30 วันไม่มาชำระค่าปรับ จะส่งต่อเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งประสานความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว เพื่อให้ผู้กระทำความผิดจ่ายค่าปรับก่อนที่จะมาต่อทะเบียน แต่ในอนาคต กทม.จะมีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยตรงกับกรมการขนส่งทางบก
การนำกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI มาใช้สามารถตรวจสอบได้ 24 ชั่วโมง มีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลที่แม่นยำ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรบุคคล สามารถนำข้อมูลไปขยายผลต่อได้ เช่น ทราบสังกัดวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือสังกัดของพนักงานขับขี่ (ไรเดอร์) เพื่อลงโทษตามกฏหมายและนโยบายของต้นสังกัดต่อไป