เกษตรกรขอรัฐกวดขันหมูเถื่อนต่อเนื่อง ปราบปรามขั้นเด็ดขาด หวั่น ASF กระทบซ้ำการเลี้ยงที่เพิ่งฟื้นตัว เผยน้ำท่วมทำผู้เลี้ยงกระอักแบกต้นทุนสูง นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐดำเนินการตรวจจับหมูเถื่อนถี่ขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีกับเกษตรกร ซึ่งฟาร์มสุกรในภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นฟาร์มรายย่อย จึงต้องยกระดับการป้องกันโรค ด้วยระบบBiosecurity ในฟาร์ม กลายเป็นต้นทุนแฝง ที่ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นถึง 300-500 บาทต่อตัวหมูขุน และขณะนี้ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเข้ามาอีกในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้เลี้ยงลำบากมากต้องมีต้นทุนในการฟื้นฟูฟาร์มและต้องเสริมการป้องกันโรคให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคที่มากับน้ำ “การตรวจจับหมูเถื่อน ของกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรที่ดำเนินการอย่างเข้มงวดมากขึ้น ถือเป็นภารกิจที่ช่วยให้ผู้เลี้ยงมีกำลังใจมากขึ้น ขอให้ภาครัฐเห็นถึงความสำคัญ และเร่งปราบปรามขบวนการทำร้ายเกษตรกรไทยและคนไทยต่อไป และกวาดล้างให้สิ้นซาก ที่สำคัญจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้ผู้เลี้ยงในบางพื้นที่จำเป็นต้องจับหมูขายก่อนกำหนดเวลาและน้ำหนักที่เหมาะสม ช่วงนี้จึงมีปริมาณหมูขุนออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่เกษตรกรกลับต้องแบกรับภาระต้นทุนสูง” นายสุนทราภรณ์ กล่าว
สำหรับการปราบปรามหมูเถื่อนนั้นภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมปศุสัตว์ และกรมศุลกากร ต้องทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามานั้นขายในราคาเฉลี่ย 135-145 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาหมูในประเทศมาก และเป็นการทำลายกลไกราคาหมูไทย ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เลี้ยงทั้งประเทศ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงรายย่อยและรายเล็กที่มีภาระต้องกู้เงินมาฟื้นฟูกิจการ หากจะต้องขายหมูขาดทุน ก็ยากที่จะไปต่อในอาชีพได้ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวอีกว่า เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือเริ่มกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ แต่มีไม่มากจากต้นทุนการผลิต ทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ และพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งมีความกังวลกับหมูเถื่อนที่ยังมีเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือประสบปัญหาหมูเถื่อนเข้ามาแทรกแซงตลาดในหลายจังหวัด ทำให้ยอดขายหมูในพื้นที่ไม่ได้ปรับขึ้นตามธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น
“ผู้เลี้ยงต่างกังวลกับหมูเถื่อนที่ทะลักเข้ามาว่าจะนำโรคต่างถิ่นมาด้วย โดยเฉพาะโรคสำคัญอย่าง ASF รวมถึงสารเร่งเนื้อแดงที่อาจปนเปื้อนมาทำอันตรายต่อคนไทย รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อราคา ซึ่งขณะนี้มีหมูเถื่อนกระจายใส่กล่องโฟม ส่งกระจายไปทั่ว จึงต้องการให้ภาครัฐกวดขันจับกุมอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้หมูเถื่อนเหล่านี้หมดไปโดยเร็ว หากปล่อยให้หมูเถื่อนเหล่านี้ยังสามารถกระจายขายได้ทั่วไป เท่ากับเป็นการทำร้ายผู้เลี้ยง โดยเฉพาะรายย่อย รายเล็ก ที่จะหายไปจากระบบในที่สุด เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ หรือแม้แต่รายใหญ่ก็อาจได้รับความเสียหายไปด้วย” นายสุนทราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย./