บริษัท ซีพีแรม จำกัด ร่วมกับ ส่วนราชการจังหวัดสุพรรณบุรี จัดโครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน ครั้งนี้ เลือกพื้นที่บ้านทุ่งดินดำ ตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ดำเนินการปลูกต้นไม้ทั้งสิ้น 5,200 ต้น บนพื้นที่ 41,000 ตารางเมตร อีกทั้ง ซีพีแรม ตั้งเป้าหมายในปี 2030 จะสามารถดำเนินการปลูกได้ 120,000 ต้นทั่วประเทศ ตามแนวทางนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้านสิ่งแวดล้อมบรรเทาฟื้นฟูระบบนิเวศน์ การปลูกต้นไม้และให้องค์ความรู้ให้กับชุมชนถือเป็นกลไกหนึ่งในด้านการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า โครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน ขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี บริษัท ซีพีแรม จำกัด คณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ซีพีแรม จำกัด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป่าไม้ ชาวบ้าน และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผืนแผ่นดินไทย รวมถึงสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนองค์ความรู้ทางอาหารอันมีผลต่อสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่บ้านทุ่งดินดำ ตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยพื้นที่ดังกล่าวอดีตเคยเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ด้วยชุมชนในพื้นที่เริ่มตระหนักให้ความสำคัญด้านป่าไม้มากขึ้น แต่ยังขาดงบประมาณและความช่วยเหลืออยู่หลายส่วน ตลอดจนองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ ดูแลป่าไม้และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ โครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน ถือเป็นโครงการที่ทำให้ชุมชนมีแรงที่จะทำงาน ทำให้ประชาชนในชุมชนเห็นถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมมือกันทำงาน ลงมือปฏิบัติร่วมกันกับชุมชนอย่างแท้จริง
นายปิยโชค ปิยางสุ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า โครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน สอดคล้องแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความยั่งยืนขององค์กร ภายใต้กรอบกลยุทธ์ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainability Development Goals : SDGs) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาติทั้ง 10 หลักการ (United Nations Global Compact : UNGC) โดยโครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผืนแผ่นดินไทย เสริมสร้างความสมดุลระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโลก ทั้งป่าบก และป่าชายเลน ซึ่งปัจจุบันได้ทำการปลูกต้นไม้ในโครงการไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 4,000 ต้น ระหว่างปี 2020 – 2021 บนพื้นที่กว่า 35,000 ตารางเมตร อีกทั้ง ประเทศไทยมีพันธะสัญญาในการลดก๊าซเรือนกระจกตามเจตจำนงที่แสดงต่ออนุสัญญา UNFCCC ในการลดก๊าซเรือนกระจก 20 – 25% ภายในปี 2030 และการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้โครงการ “ร้อย รักษ์ โลก”
นายปิยโชค ปิยางสุ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ซีพีแรมถือเป็นผู้ผลิตอาหารพร้อมรับประทานให้ความสำคัญกับผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในด้านอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ตามหลักธรรมาภิบาล ที่ต้องส่งมอบอาหารที่ดีมีคุณภาพสู่ผู้บริโภค และสิ่งสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมดุลอย่างยั่งยืน สอดคล้อง ตามเป้าหมายองค์การสหประชาชาติ ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเสริมสร้างความสมดุลระบบนิเวศ ช่วยดูดซับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ของโลก พร้อมทั้งสอดคล้องกับปรัชญา 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ประชาชนและองค์กร ครั้งนี้ ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านทุ่งดินดำ ตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง ดำเนินการปลูกต้นไม้ทั้งสิ้น 5,200 ต้น บนพื้นที่ 41,000 ตารางเมตร อีกทั้ง ซีพีแรม ตั้งเป้าหมายในปี 2030 จะสามารถดำเนินการปลูกได้ 120,000 ต้น ซึ่งซีพีแรมหวังว่าการดำเนินโครงการ “CPRAM GREEN LIFE” #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน จะเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ ทำให้มีการขยายพื้นที่สีเขียว ผ่านการปลูกป่า ปลูกจิตสำนึกร่วมกันในด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อผืนแผ่นดินไทยของเราทุกคน
นายพรศักดิ์ ชาวสวน ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 บ้านทุ่งดินดำ กล่าวว่า สถานการณ์ป่าไม้ที่ บ้านทุ่งดินดำ สุพรรณบุรีที่ผ่านมาเป็นสภาพป่าเสื่อมโทรมค่อนข้างมาก เพราะขาดความรู้และชุมชนไม่มีการอนุรักษ์ป่าไม้ในพื้นที่ พอมาถึงยุคกำนันสมนึกได้เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่ปี 2254 ผู้ใหญ่จงได้เริ่มจดทะเบียน มีข้อกำหนดในพื้นที่ป่ามากขึ้น และได้จดทะเบียนเป็นป่าชุมชน ทำให้ชุมชนได้เริ่มตระหนักและทำงานร่วมกัน ทำให้ต้นไม้เพิ่มขึ้น สัตว์ป่าเริ่มกลับมาในพื้นที่ ที่สำคัญต้องขอบคุณป่าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี รับจดทะเบียนให้กับป่าชุมชนหมู่ที่ 4 บ้านทุ่งดินดำ โดยการปลูกป่าถือเป็นการสร้างให้ชุมชนเกิดความร่วมมือในชุมชน ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง แต่ส่วนหนึ่งชุมชนยังขาดงบประมาณในการดูแล ต้องขอบคุณ ซีพีแรมที่ให้ความสำคัญในพื้นที่ป่าไม้ สนับสนุนงบประมาณในการดูแล ซึ่งชุมชนจะนำไปปลูกต้นไม้เพิ่มเติม กลุ่มอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่ ตรวจเวรความปลอดภัย ทั้งในส่วนบ้าน วัด โรงเรียน ที่เราให้ความสำคัญตามหลัก คือ บวร และชุมชนจะมีการปิดป่าเพื่อการอนุรักษ์ 3 เดือน คือ กันยายน ถึง พฤศจิกายนของทุกปี และขอบคุณที่หน่วยงานภาครัฐ ส่วนงานจังหวัด บริษัท ซีพีแรม จำกัด จัดกิจกรรมดี ๆ ในการปลูกป่าในวันนี้ ทำให้ชุมชนมีขวัญและกำลังใจในการทำงานดูแลป่าไม้ในพื้นที่ต่อไป