AAV ประกาศผลประกอบการในเก้าเดือนแรก 2561 กำไรสุทธิ 340 ล้านบาท
เดินหน้าสร้างเครือข่ายบินแข็งแกร่งในฮับอื่น ๆ พร้อมทุกการแข่งขัน
ไตรมาส 3 เผชิญภาวะน้ำมันโลกและนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว
AAV ประกาศผลประกอบการรวมในเก้าเดือนแรกปี 2561 ของ AAV มีกำไรอยู่ที่ 340 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบจากการชะลอตัวของยอดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย โดยมีสถิติการดำเนินงานรายไตรมาสที่น่าพอใจ อัตราการขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 81 จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 5.12 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับเครื่องบินใหม่ 1 ลำประจำการฝูงบิน รวมเป็น 60 ลำ ณ สิ้นสุดไตรมาส ตั้งเป้าเดินหน้าสร้างเครือข่ายบินที่เข้มแข็งในฐานปฏิบัติการการบินต่าง ๆ ต่อเนื่อง รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA)
กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 AAV ยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 45 และการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ที่ลดลงร้อยละ 8.8 จากข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้ผลประกอบการของ AAV (ถือหุ้นใน TAA ร้อยละ 55) ในไตรมาสนี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,307 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาท ในขณะที่ในเก้าเดือนแรกปี 2561 มีรายได้รวม 30,203 ล้านบาท ยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 340 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการของ TAA ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 656 ล้านบาท และ สำหรับเก้าเดือนแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 611 ล้านบาท
ทั้งนี้สำหรับสถิติการดำเนินงานที่สำคัญ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 พบว่า TAA ยังรักษาอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 81 มีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 5.12 ล้านคน และมีฝูงบินจำนวนทั้งสิ้น 60 ลำ โดยรับมอบเครื่องบินใหม่ 1 ลำในไตรมาสนี้ พร้อมเดินหน้าตามแผนในการสร้างเครือข่ายบินที่แข็งแกร่งรองรับการเติบโตในอนาคต โดยไตรมาสนี้เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 3 เส้นทางและเปิดให้บริการแล้ว คือ กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู เชียงใหม่-ย่างกุ้ง และเชียงใหม่-ไทเป รวมทั้งเพิ่มความถี่เส้นทางบินยอดนิยมทั้งภายในและระหว่างประเทศ
“แม้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบภาพรวมด้านการท่องเที่ยวและขนส่ง แต่ในเก้าเดือนแรกปี 2561 เรายังคงรักษาผลประกอบการให้เป็นกำไรได้ โดยไตรมาสที่ 4 ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้น และหนุนให้ผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลัง เรายังเดินหน้าตามแผนขยายเส้นทางบินใหม่ๆ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการการบินเชียงใหม่ที่มีศักยภาพและโอกาสในเส้นทางระหว่างประเทศเติบโตอย่างน่าสนใจ” นายสันติสุขกล่าว
ทั้งนี้สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 TAA มีแผนรับเครื่องบินเพิ่มอีก 2 ลำ เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายบินที่เข้มแข็งชิงความได้เปรียบการแข่งขัน โดยได้เปิดสำรองที่นั่งในเส้นทางบินใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ-คยา(อินเดีย) กรุงเทพฯ-วิชาคาปัทนัม(อินเดีย) กรุงเทพฯ-ภูวเนศวร(อินเดีย) กรุงเทพฯ-หนิงโบ(จีน) กรุงเทพฯ-โคลัมโบ(ศรีลังกา) เชียงใหม่-ฮานอย เชียงใหม่-หนานชาง เชียงใหม่-ปักกิ่ง กระบี่-ฮ่องกง กระบี่-มาเก๊า รวมทั้งเส้นทางภายในประเทศ พัทยา(อู่ตะเภา)-ขอนแก่น