เพื่อขยายระบบนิเวศวีมิกซ์สู่อีเธอเรียม เลเยอร์ 2นักวิจัยระดับโลก อาทิ ศ. ฮยอนอ๊ก โอ จากภาควิชาระบบสารสนเทศ มหาวิทยาลัยฮันยาง เข้าร่วมด้วย เทคโนโลยีใหม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอนาคตแห่งบล็อกเชน โดยให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ความจริง วีเมด (Wemade) มีแผนที่จะก่อตั้งศูนย์วิจัยการพิสูจน์ความจริงโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริง (zero-knowledge proof) กับกลุ่มนักวิชาการระดับชั้นนำของโลก อาทิ ศ. ฮยอนอ๊ก โอ (Hyunok Oh) จากภาควิชาระบบสารสนเทศ มหาวิทยาลัยฮันยาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายระบบนิเวศวีมิกซ์ (WEMIX) เข้าอีเธอเรียม เลเยอร์ 2 (Ethereum Layer 2)
วีเมดได้ประกาศแผนเปิดตัวโซลูชันอีเธอเรียม เลเยอร์ 2 ซึ่งสามารถเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม และแก้ไขปัญหาเรื่องการขยายขอบเขตการทำธุรกรรม โดยการโรลอัพ (rollup) อีเธอเรียม เลเยอร์ 2 กำลังเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในวงการบล็อกเชนในขณะนี้ เนื่องจากอีเธอเรียมกำลังค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นบล็อกเชนแบบแยกส่วน จึงคาดว่าการโรลอัพจะเป็นแกนหลักของระดับบริหารจัดการ ซึ่งการทำธุรกรรมอีเธอเรียมจะมีการประมวลผลในระดับนี้ วีเมดจึงตั้งเป้าที่จะเปิดตัวโซลูชันเลเยอร์ 2 ซึ่งโทเคนในการบริหารก็คือเหรียญวีมิกซ์เพื่อการขยายระบบนิเวศวีมิกซ์ต่อไป บริษัทจะเริ่มขั้นตอนแรกในระบบนิเวศเลเยอร์ 2 ด้วยโรลอัพแบบออปทิมิสติก (optimistic rollup) ที่มีการใช้กันแพร่หลายและเป็นระบบไฮบริด แต่มีการบวกองค์ประกอบการในการพิสูจน์ความจริงเข้าไปด้วย ตามแผนแม่บทมีการวางเป้าหมายว่า การโรลอัพกระบวนการพิสูจน์ความจริงแบบ 100% จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 และศูนย์วิจัยการพิสูจน์ความจริงกับกลุ่มนักวิชาการด้านการพิสูจน์ความจริงระดับชั้นนำของโลกจะเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมขนาดใหญ่
กระบวนการพิสูจน์ความจริงคือวิธีการที่ ‘ผู้ยื่นพิสูจน์’ สามารถพิสูจน์ให้ ‘ผู้ตรวจสอบ’ เห็นว่า ข้อมูลบางอย่างเป็นจริงโดยที่ไม่ต้องให้รายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลนั้น ความเร็วของการทำธุรกรรมโรลอัพการพิสูจน์ความจริงนั้นเร็วกว่าการโรลอัพแบบออปทิมิสติกอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับปัญหาทางเทคนิค ซึ่งวีตาลิค บูเจริน (Vitalik Buterin) กล่าวในงานอีทีเอชโซล (ETHSeoul) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า “ตามความเห็นของผม ในระยะยาว การโรลอัพกระบวนการพิสูจน์ความจริงจะเอาชนะการโรลอัพแบบออปทิมิสติกได้ในที่สุด เพราะว่ามีข้อได้เปรียบพื้นฐานอยู่ อย่างเช่น ผู้ใช้ไม่ต้องรอ 7 วันเพื่อถอนออก” หนึ่งในเสาหลักสำคัญของศูนย์แห่งนี้ก็คือกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งรวมถึง ศ.โอ โดยซคริปโต (Zkrypto) ซึ่งก่อตั้งโดยศ.โอ นำเสนอโครงการจำลองสกุลเงินดิจิทัลธนาคารกลาง (CBDC) ของธนาคารกลางเกาหลี และระบบลงคะแนนแซดเคโวตติง (zKVoting) ซึ่งเป็นระบบโหวตออนไลน์ที่อิงตามกระบวนการพิสูจน์ความจริงและได้รับรางวัลยอดเยี่ยมสาขานวัตกรรม (Best of Innovation) จากงานซีอีเอส 2023 (CES 2023) มหกรรมอิเล็กทรอนิกส์/ไอทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกงานหนึ่ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกสำหรับการใช้บล็อกเชน นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านความปลอดภัยในไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
ศูนย์วิจัยแห่งนี้ประกอบไปด้วยศ. ฮยอนอ๊ก โอ, ศ. จีเย คิม (Jihye Kim) อาจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยคุกมิน, ศ. จุงฮี ลี (Joonghee Lee) อาจารย์ด้านความมั่นคงในไซเบอร์ มหาวิทยาลัยโคเรีย, ศ. แจฮง ซู (Jaehong Suh) อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮันยาง, ศ. ซุงวุค คิม (Sungwook Kim) อาจารย์ด้านการคุ้มครองข้อมูล มหาวิทยาลัยสตรีโซล, ศ. ดาริโอ ฟิออเร่ (Dario Fiore) จากสถาบันซอฟต์แวร์อิมเดีย (IMDEA) สเปน และนักวิจัยอีกหลายท่าน กระบวนการพิสูจน์ความจริงนับเป็นสาขาที่เรียนยาก โดยมีนักวิจัยทั่วโลกไม่ถึง 1 พันคน และศูนย์วิจัยแห่งนี้ก็คาดว่านักวิจัยเหล่านี้จะมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนาสาขานี้ศูนย์วิจัยกระบวนการพิสูจน์ความจริงของวีเมดจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือการพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อกระบวนการพิสูจน์ความจริงและเทคโนโลยีบล็อกเชน รวมถึงการใช้ประโยชน์และเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับภาคอุตสาหกรรมและวิชาการในระยะแรก ศูนย์จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีจีพียู (GPU) ที่เกี่ยวข้องกับ zkEVM และเทคโนโลยีปฏิบัติการโหนดโรลอัพการพิสูจน์ความจริง และ SNARKs แบบซ้ำ ๆ ส่วนในระยะต่อมา ศูนย์จะต่อยอดจากระยะแรกเพื่อพัฒนาวงจรและเทคโนโลยีกระบวนการพิสูจน์ความจริง และความพร้อมใช้ข้อมูลในการโรลอัพการพิสูจน์ความจริง ศูนย์วิจัยแห่งนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการวิจัยเท่านั้น แต่ยังสนใจการทำเวิร์กชอปเพื่อการพิสูจน์ความจริง และเวิร์กชอปที่จัดเป็นประจำกับผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงห้องเรียนออนไลน์ และการพบปะกันแบบออฟไลน์ วีเมดเชื่อว่า กระบวนการพิสูจน์ความจริงจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักในด้านขอบเขตในการขยายธุรกรรม ความเป็นส่วนตัว การทำงานร่วมกัน และระบบพิสูจน์พื้นที่เก็บ และจะกลายเป็นผู้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับโลก