บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “TOA” ประกาศความสำเร็จด้วยยอดขายปี 2565 ทะลุ 2 หมื่นล้าน และยอดขายไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่ายอดขายปี 2565 เป็นเงิน 20,649 ล้านบาท โดยเติบโต 18% จากปีก่อน ในขณะที่ยอดขาย Q4/65 เป็นเงิน 5,445 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% โดยสามารถเติบโตได้ทุกช่องทางการขาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสีที่ TOA เป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน เสริมด้วยธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและยิปซั่มบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง กำไรจากธุรกิจปกติ สำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,672 ล้านบาท ลดลง 9% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ในขณะที่กำไรจากธุรกิจปกติสำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นเงิน 399 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ยังเติบโตกว่า 13% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อรวมการบันทึกผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแปลงค่างบการเงินจากทรัพย์สินและหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศและการบันทึกราคาตลาดของเงินลงทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิต่ำกว่ากำไรจากธุรกิจปกติ โดยกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 เป็นเงิน 1,418 ล้านบาท ลดลง 27% และกำไรสุทธิ สำหรับไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นเงิน 287 ล้านบาท ลดลง 39% ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2566 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 59% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของปี 2565
ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 15% โดยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกและการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าโอกาสการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนโอกาสจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้กำไรขั้นต้นในปี 2566 ยังมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบบางส่วนเริ่มทยอยปรับตัวลดลง นอกจากนี้ TOA มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่การเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจต่อการสร้างความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม การเป็นผู้นำนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณสมบัติการใช้งานของสินค้า และยังมีความปลอดภัยต่อสุขภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อม การตอบสนองความต้องการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า การทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างเกื้อหนุนกัน และการมีส่วนช่วยดูแลสังคมอย่างยั่งยืน
นายจตุภัทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ด้วยกลยุทธ์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการปรับตัว การมุ่งสร้างพื้นฐานทางธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนความสำเร็จและการเติบโตของ TOA อย่างมั่นคง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน”