กรุงเทพฯ 20 มกราคม 2565 : SABINA เผยยอดขายโค้งสุดท้ายปลายปี 2564 ดีกว่าที่คาดไว้ หลังรับอานิสงส์รัฐคลายล็อคดาวน์ สาขากลับมาเปิดขายได้ตามปกติ ขณะที่ช่องทาง NSR สุดปัง หลังผนึกลาซาด้า ปั๊มยอดขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง 11.11 และ 12.12 ที่สินค้า SABINA ยืนหนึ่งมงลงในกลุ่มสินค้าแฟชั่น เชื่อผลประกอบการไตรมาส 4/2564 เติบโตเมื่อเทียบแบบปีต่อปี (YoY) และไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) ส่งผลงบการเงินทั้งปี 64 ดีกว่าที่ประเมินไว้ พร้อมรับแคมเปญ “ช้อปดีมีคืน” กระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่องในไตรมาสแรกปีนี้ เชื่อภาพรวมปี 65 รายได้รวมเติบโต 20% ตามเป้า
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า จากการประเมินยอดขายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี พบว่า สัญญาณยอดขายฟื้นตัวขึ้นดีกว่าที่คาดไว้ ทำให้คาดว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมานั้น รายได้ยอดขายจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโตเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) โดยปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนมาจากการคลายล็อคดาวน์ ทำให้จุดขายที่ปิดในห้างสรรพสินค้าสามารถกลับมาเปิดขายได้ตามปกติอีกครั้ง นอกจากนี้ SABINA ยังเตรียมความพร้อมกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยการออกแคมเปญ “ซาบีน่าฟองดี” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ต่อจากแคมเปญ “ดีที่ราคา” ที่ออกมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ขณะที่ยอดขายในช่องทางขายแบบไม่มีหน้าร้าน (NSR : Non Store Retailing) ก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยบวกจากแคมเปญที่ SABINA ผนึกความร่วมมือกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำอย่าง “ลาซาด้า” ทั้งแคมเปญ 11.11 และ 12.12 ทำให้สินค้า SABINA มียอดขายสูงที่สุดในกลุ่มสินค้าแฟชั่น
“ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เราทำรายได้รวมอยู่ที่ 547.16 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ รายได้รวมอยู่ที่ 1,852.59 ล้านบาท ส่วนในไตรมาสที่ 4 รายได้ยอดขายเติบโตกว่าที่คาด จากปัจจัยสนับสนุนที่กล่าวมาแล้ว รวมถึงการที่เราใช้ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 รวมถึงผลประกอบการทั้งปี 2564 จะดีกว่าที่คาดไว้” นางสาวดวงดาวกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า เชื่อว่ากำลังซื้อจะมีความคึกคักต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ว่าทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ความรุนแรงที่น้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า และการกระจายวัคซีนที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความกังวลในส่วนนี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก ขณะเดียวกันภาครัฐไม่ได้ใช้มาตรการล็อคดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ แม้จะต้องใช้ความระมัดระวัง นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่า มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งผู้บริโภคสามารถนำยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทในระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 15 กุมภาพันธ์ 2565 ไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ ทำให้มีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SABINA ได้รับปัจจัยสนับสนุนทางบวกตั้งแต่ต้นปีด้วยเช่นกัน
“ปีนี้เราตั้งเป้าหมายเติบโตไว้ที่ 20% ซึ่งถ้าไม่ได้มีอะไรเป็นปัจจัยลบที่กระทบแรงๆ และผลกระทบจากโอมิครอนจะจำกัดอยู่ในไตรมาสแรกเหมือนที่หลายฝ่ายประเมิน ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวช้าๆ ในไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีหลัง เราอาจจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ก็เชื่อว่า เป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้มีความเป็นไปได้แน่นอน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว