บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO ชูผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 แข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 50% ขณะที่รายได้จากการขายและบริการ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากดีมานด์ติดตั้งอุปกรณ์ไดร์ฟทรูของธุรกิจ Food Chain ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อปรับตัวรับ New Normal และการบริหารต้นทุนในธุรกิจ BPO ที่ดีขึ้น ครึ่งปีหลังวางเป้าหมายเติบโตต่อเนื่อง นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DITTO” หรือ “บริษัทฯ”) ผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลอย่างครบวงจร (Document and Data Management Solutions) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีอัตราเติบโตโดดเด่น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด โดยเฉพาะกำไรสุทธิอยู่ที่ 38 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายและบริการ 256 ล้านบาท เติบโต 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
การเติบโตในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มาจากกลุ่มธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่น ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 130% จาก 41 ล้านบาท เป็น 95 ล้านบาท เนื่องจากมีความต้องการติดตั้งสินค้าเกี่ยวกับระบบไดร์ฟทรู ในกลุ่มผู้ประกอบการ Food Chain เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อปรับตัวรับยุค New Normal และรองรับการให้บริการขายสินค้าแบบซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน (Take Home) ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่วนธุรกิจจำหน่าย และให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร แม้ชะลอตัวเล็กน้อย แต่สัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขึ้นเป็น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 18% เนื่องจากได้รุกขยายการรับบริหารจัดการระบบงานแก่ลูกค้า (Business Process Outsourcing: BPO) เพื่อสร้างรายได้ประจำที่ต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 28% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุน โดยเฉพาะในส่วนงาน BPO ที่มีประสิทธิภาพและมุ่งนำเทคโนโลยีรวมถึงนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ในงานโครงการรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี ช่วยบริหารต้นทุนโครงการที่ดีขึ้น ส่งผลให้ดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายและบริการ 514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ลดลงเหลือ 0.4 เท่า จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 1.32 เท่า
“เราวางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารที่มีศักยภาพเติบโตสูง จะได้รับผลเชิงบวกจากการที่องค์กรต่างๆ มุ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัล (ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น) เพื่อรับมือกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามาดิสรัป โดยมี COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการทำงานในรูปแบบ Work from anywhere ด้วยการนำเสนอบริการ Data and Document Solutions แก่ลูกค้า รองรับองค์กรที่ต้องการแปลงข้อมูลจากเอกสารสู่ดิจิทัล พร้อมออกแบบและจัดหมวดหมู่ให้ง่ายต่อการค้นหาและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อยกระดับธุรกิจและสร้างการเติบโตแก่องค์กร” นายฐกร กล่าว