‘บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ (AIT) คาดแนวโน้มธุรกิจบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ใน 3 ปีข้างหน้า (65-68) ขยายตัว 9-10% ต่อปี หลังจากภาคธุรกิจเร่งปรับโครงสร้างองค์กรเน้นขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มั่นใจผลงานปี 64 ทำรายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,500 ล้านบาท ตุน Backlog ปัจจุบันกว่า 7,800 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโตกว่า 5% เติบโตแบบคอนเซอร์เวทีฟ ล่าสุดจ่อบุ๊ครายได้จากการขายหุ้นใน Genesis Data Center ให้กับ ETIX Everywhere (ETIX) คาดรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/65
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ในระยะ 30 ปีที่ผ่านมา เราได้สร้างผลงานและสะสมประสบการณ์ในเทคโนโลยีต่างๆมาอย่างมากมาย ทำให้ AIT เจริญเติบโต อย่างมั่นคงมาถึงทุกวันนี้ เราได้รับงานโครงการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ (Hardware/Software) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network) ระบบ Internet และระบบ Data Center ซึ่งถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบสารสนเทศและการสื่อสาร ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา AIT ได้รับงานโครงการสร้าง Application บนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว เพื่อใช้ในการทำงานด้านต่างๆ ขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบการจองและออกตั๋วรถไฟและรถขนส่ง และระบบ Clouds บน Data Center นอกจากนั้น AIT ยังได้รับงานโครงการ Big Data Analytics ในหลายโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จของเราในการขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นที่ต้องการของตลาดปัจจุบันและอนาคต
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานใน ปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำรายได้เติบโตกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 6,500 ล้านบาทโดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ ทำรายได้จากงบเฉพาะกิจการได้แล้วกว่า 5,414 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 375 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานที่รอส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 7,800 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานจากภาครัฐและองค์กร โดยจะรู้แน่ชัดถึงผลประกอบการปี 2564 ในวันประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมพิจารณาปันผลงวดปลายปี จึงถือได้ว่าเป็นปีที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งอีกปีหนึ่ง และยังมี Backlog อีกมากที่จะส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมาย
ในปี 2565 และอีก 3 ปีข้างหน้า AIT มองภาพรวมว่า องค์กรต่างๆมองหาเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการนำข้อมูลต่างๆ ไปปรับใช้สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจต่าง ๆ ทำให้มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเกิดขึ้น และเพื่อ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยประเมินภาพตลาดรวมจะขยายตัวกว่า 9-10% ต่อปี เนื่องจากหลายภาคธุรกิจเร่งปรับโครงสร้างองค์กรที่เน้นขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจ บริการดิจิทัล คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 11 -12% ต่อปี โดยมีปัจจัยหนุนหลักจาก 1) การพัฒนาโครงข่ายเทคโนโลยี 5G ภายใต้ แผนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะเชื่อมโยงสัญญาณให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในปี 2565 และ 2) รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานที่มีแนวโน้มจะยังคงพึ่งพาบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการซื้อขายสินค้าและข้อมูล ข่าวสารออนไลน์ ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 5% จากปี 2564 หรือแตะที่ระดับ 6,800 ล้านบาท ถือเป็นการตั้งเป้ารายได้แบบคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) โดยจะมุ่งเน้นตลาดด้าน Cloud Platform, Big Data Analytics, SDN, Cyber Security, และ IOT เพิ่มเติมจากธุรกิจขายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ICT ต่างๆ นอกจากนั้น AIT ยังจะสร้างรายได้จากธุรกิจก่อสร้างต่างๆ เช่น Data Center, สถานีไฟฟ้าย่อย(Electrical Substation), และนำสายสื่อสารลงดิน เป็นต้น
นายศิริพงษ์ กล่าวท้ายสุดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการขายหุ้นบริษัท เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (Genesis Data Center) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง 3 บริษัท ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ โดย บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) มีสัดส่วนโครงสร้างการถือหุ้น 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด โดย AIT ได้ขายหุ้นในสัดส่วน 33.33% ให้กับ ETIX Everywhere (ETIX) ในราคา 182 ล้านบาท (รวมคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้น) บริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้ หลังหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายเข้ามาในไตรมาส 1/2565 ซึ่งทำให้บริษัทฯ จะนำเงินดังกล่าวไปแสวงหาโอกาสลงทุนพัฒนาโครงการ ใหม่ๆ หรือมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ต่อไป