เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม คุณฟิชเชอร์ หยู (Fisher Yu) รองประธานอาวุโสของไฮเซ่นส์ (Hisense) กล่าวการบรรยายหลักที่งานประชุมไฮเซ่นส์ โกลบอล พาร์ทเนอร์ (Hisense Global Partner Conference) โดยประกาศว่า ไฮเซ่นส์จะดำเนินการสร้างผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีต่อไป ครอบคลุมประเภทแอลซีดี (LCD), หน้าจอระบบเลเซอร์ (laser display) และแอลอีดี (LED) เพื่อให้บริการโซลูชันระบบหน้าจอแสดงผลเต็มรูปแบบภายในบ้าน สำนักงาน และยานพาหนะ

ไฮเซ่นส์ยกระดับตนเองด้วยแนวทางที่ครอบคลุม

ไฮเซ่นส์ ในฐานะบริษัทชั้นนำของโลก ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โทรทัศน์เท่านั้น แต่ยังเป็นนักวิจัยและผู้ให้บริการโซลูชันจอแสดงผลระบบแบบทุกฉาก (all-scene) ด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไฮเซ่นส์เชื่อมาโดยตลอดว่าการแข่งขันของโทรทัศน์ครอบคลุมในทุกด้าน เพราะฉะนั้นนอกจากเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล ไฮเซ่นส์ยังมุ่งสู่ความเป็นเลิศในหลากหลายแง่ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียง เนื้อหาคอนเทนต์ ส่วนต่อประสานผู้ใช้ การออกแบบเชิงอุตสาหกรรม และปัญญาประดิษฐ์ของสรรพสิ่ง (AIOT) โดยได้ขยายรูปแบบผลิตภัณฑ์และพรมแดนการพัฒนาเทคโนโลยีของแบรนด์

สามกลไกขับเคลื่อนการเติบโตคุณภาพสูงของไฮเซ่นส์

“ไฮเซ่นส์” เผยสามแนวทางสู่การเติบโตคุณภาพสูงคุณหยูระบุว่า เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลของไฮเซ่นส์ได้รับการยกระดับสู่ขั้นใหม่ด้วยการวิจัยและพัฒนาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ทั้งนี้การเติบโตคุณภาพสูงอย่างรวดเร็วของแบรนด์ประกอบด้วยสามด้านสำคัญ เทคโนโลยียูแอลอีดี (ULED) มีบทบาทโดดเด่นที่สุดในการเติบโตที่มั่นคงของไฮเซ่นส์ เนื่องจากได้ยกระดับคุณภาพของภาพโทรทัศน์ขึ้นไปอีกขั้น ไฮเซ่นส์ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่อย่างยูแอลอีดี เอ็กซ์ (ULED X) พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นเรือธง ยู8เอช (U8H) ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดระดับไฮเอนด์ดังกล่าวนี้มีชิปประมวลผล 8เค เอไอ พีคิว (8K AI PQ) และอัลกอริทึมควบคุมแสง 16 บิตตัวแรกของอุตสาหกรรม ทำให้ผลิตภัณฑ์แสดงความเปรียบต่างของสภาพแวดล้อมได้สูงกว่าเป็นสามเท่า และมีช่วงการรับแสง (dynamic range) สูงกว่าเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับโทรทัศน์ประเภทโอแอลอีดี (OLED)

การเปิดตัวโทรทัศน์ระบบเลเซอร์ 8เค (8K Laser TV) ครั้งแรกของโลกที่งานประชุมโกลบอล พาร์ทเนอร์นี้ แสดงถึงอีกตัวขับเคลื่อนความก้าวหน้าของไฮเซ่นส์ ข้อมูลจากออมเดีย (Omdia) ชี้ว่าไฮเซ่นส์ครอบครอง 51% ของตลาดในแง่ของยอดจำหน่ายโทรทัศน์ระบบเลเซอร์ระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายนในปีนี้ โดยเป็นอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ ด้วยการทำงานสอดประสานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าต้นน้ำและปลายน้ำในห่วงโซ่อุปทาน ไฮเซ่นส์ได้ยกระดับอุตสาหกรรมจาก 2เค (2K) สู่ 4เค (4K) และขณะนี้สู่ 8เค (8K) แล้ว โดยเป็นการสร้างโทรทัศน์ระบบเลเซอร์ที่เป็นมิตรต่อการชมและน่าประทับใจที่สุด

การขยายรูปแบบผลิตภัณฑ์ของไฮเซ่นส์ในแง่ของเทคโนโลยีแอลอีดียังมีส่วนช่วยในการพัฒนาอย่างรวดเร็วของแบรนด์ ดังที่คุณหยูได้ประกาศ ในด้านเทคโนโลยีไมโคร แอลอีดี (Micro LED) ยอดนิยม ไฮเซ่นส์ได้พัฒนาสองซีรีส์ผลิตภัณฑ์หน้าจอแสดงผลโดยตรงประเภทแอลอีดี โดยเป็นการพัฒนาอย่างเป็นอิสระ  ประกอบด้วยซีรีส์ “วิชัน วัน” (Vision One) และ “วิชัน เอ็กซ์” (Vision X) ซึ่งส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก

ในฐานะผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม ไฮเซ่นส์ยังยึดมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนและคาร์บอนต่ำ ความมุ่งมั่นในด้านการใช้ชีวิตคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้รับการประยุกต์ใช้ในตลอดทั้งกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต และการรีไซเคิล ยกตัวอย่างเช่น โทรทัศน์ระบบเลเซอร์ขนาด 100 นิ้วของไฮเซ่นส์ ใช้พลังงานราว 1 ใน 3 ถึง 1 ใน 2 ของโทรทัศน์แอลซีดีแบบดั้งเดิมที่มีขนาดเท่ากัน การพัฒนานวัตกรรมด้วยตนเองเป็นแนวคิดแกนหลักของการพัฒนาแบรนด์ไฮเซ่นส์มาโดยตลอด ในอนาคต ไฮเซ่นส์จะดำเนินการต่อไปในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล ขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนานวัตกรรม และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับโทรทัศน์คุณภาพสูงสุดระดับไฮเอนด์