“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ประกาศเร่งเครื่องกลยุทธ์ธุรกิจปี 65 รับตลาดฟื้นตัว ส่องแนวโน้มพฤติกรรม และการตัดสินใจซื้อบ้าน “ในเมือง-นอกเมือง” เปลี่ยน มองตลาดภาพรวมขยายตัวจากกำลังซื้อคนไทย และต่างชาติซื้อบ้านเพิ่มขึ้น พร้อมโชว์ความสำเร็จส่งท้ายปี 64 กับ 2 รางวัลชนะเลิศ Best Boutique Developer และ Best Hospitality Developer จากเวที PropertyGuru Thailand Property Awards 2021 ตอกย้ำมาตรฐาน และคุณภาพการพัฒนาโครงการระดับเวิลด์คลาสตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม “ฮาบิแทท กรุ๊ป” เดินหน้ากลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มว่ากำลังซื้อจากคนไทยและต่างชาติเริ่มกลับมาฟื้นตัวจากนักลงทุนและกองทุนต่างประเทศ
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมความพร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากกำลังซื้อคนไทยและต่างชาติ ที่เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2564 และต่อเนื่องถึงปี 2565
“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากการเข้ามาของโควิด-19 ทำให้เรากลับมาทบทวนแผนงาน ปรับวิธีคิด และกระบวนการทำงาน นำมาสู่การวางแผนกลยุทธ์ครั้งใหม่ และมีความพร้อมอย่างมากเพื่อก้าวใหม่ที่กำลังมาถึงในปี 2565 เพื่อธุรกิจจะก้าวไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืน”
มองโอกาสธุรกิจ
การฟื้นตัวของตลาดในภาพรวมปี 2565 เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ การเปิดประเทศในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การปลดล็อกด้านสินเชื่อโดยให้สัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) ของสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สอง ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท กู้สินเชื่อได้ 100% จาก 70%-90% โดยจะสิ้นสุดตามเกณฑ์ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2565 รวมถึงจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ รวมถึงในภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย “กลุ่มคนจีนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ เริ่มกลับมาซื้อขายมากขึ้นด้วยปริมาณการซื้อที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกองทุนฯ จากต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามามากขึ้น รวมถึงนักลงทุนก็เริ่มติดต่อกลับเข้ามา ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อที่เริ่มทยอยกลับมาของต่างชาติจะมากขึ้นในปี 2565”
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดโรงแรมจากฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเช่นกัน โดยคาดการณ์ปี 2565 ลูกค้า และนักท่องเที่ยวจะกลับมาได้ 40-50% ของปี 2562 ส่วนในปี 2566 จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ 70-80% ดังนั้นเชื่อว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นโอกาสที่ดีของโปรดักส์ด้านท่องเที่ยว
เร่งเครื่องกลยุทธ์ปี 65
“มองว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของอสังหาฯ หลายบริษัทต่างเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้น สำหรับ ฮาบิแทท กรุ๊ป มีการเตรียมความพร้อมในส่วนของกระบวนการทำงาน การกำหนดสัดส่วนของโครงการที่จะพัฒนาในเซกเมนต์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ รวมถึงเป้าหมายที่จะเดินไปในอนาคต นับเป็นจังหวะที่ดี ทั้งความพร้อมของเราเอง กำลังซื้อที่เริ่มกลับมาทั้งคนไทยและต่างชาติ เมื่อปีหน้าตลาดกลับมาดีขึ้น โอกาสทุกอย่างเปิด เราก็สามารถขับรถ และเหยียบคันเร่งได้อย่างเต็มที่” นายชนินทร์ กล่าว โดยในปี 2565 “ฮาบิแทท กรุ๊ป” วางแผนธุรกิจในอนาคตไว้อย่างสมดุล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดกำลังซื้อระดับกลางถึงบน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยมีการศึกษาโปรดักส์เซกเมนต์ใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น โครงการประเภทแนวราบ และแนวสูงในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนท์หรือซื้ออยู่ ทั้งในทำเลพัทยาและกรุงเทพฯ ที่ยังคงเป็นตลาดหลักอยู่เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาทำเลใหม่ ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตในอนาคต
“ในด้านการปรับตัว ฮาบิแทท กรุ๊ป จากเดิมที่เราเน้นทำคอนโดค่อนข้างเยอะ รวมถึงคอนโดในเมืองเจาะกลุ่มเซกเมนต์ไฮเอนด์ โดยที่พัทยาเป็นโมเดลไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนท์ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เข้ามากระทบลูกค้าต่างชาติและกำลังซื้อคนไทย ทำให้มีการทบทวน และปรับแนวทางการทำงานใหม่ในช่วงที่ผ่านมา นำมาซึ่งกลยุทธ์และแผนงานในปีหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการมุ่งพัฒนาแนวราบมากขึ้น อย่างไรก็ดี เรายังคงพัฒนาคอนโดต่อเนื่อง แต่เน้นการปรับสัดส่วนของพอร์ตให้มีความสมดุล เน้นกระจายความเสี่ยง เพื่อธุรกิจที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน”
มุมมองซื้อบ้าน “เปลี่ยน” หลังโควิด-19
จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย จากเดิมที่คนเลือกอาศัยอยู่ในเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปกลับจากบ้านไปที่ทำงาน เปลี่ยนเป็นทำงานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อเริ่มมองหาบ้านขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นแม้จะอยู่นอกเมืองออกไปก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนกันแล้วความคุ้มค่าอาจมีมากกว่า เช่น ด้วยราคาที่ไม่แตกต่างกันมาก การซื้อคอนโดขนาด 30-40 ตรม. 1 ห้อง อาจไปซื้อบ้านนอกเมืองที่มีพื้นที่กว้างและเพิ่มมากขึ้น โดยมีขนาด 3-4 ห้องนอน รวมถึงห้องนั่งเล่น
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คอนโดมีอัตราการซื้อที่น้อยลง แต่อัตราการซื้อที่อยู่อาศัยในแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด ถือว่าเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเซกเมนต์กลางและบน ส่วนอสังหาริมทรัพย์ตลาดล่างจะยังได้รับผลกระทบคงต้องรอจังหวะที่ดีมากกว่านี้” นายชนินทร์กล่าว