“วินโคสท์” รับสัญญาณบวกเศรษฐกิจฟื้น คาดการณ์รายได้ ปี 65 เติบโตตามเป้า รับอานิสงส์เปิดประเทศ ธุรกิจเช่าคลังสินค้าบูม ผู้ประกอบการแห่เข้าใช้พื้นที่แล้ว 75% มั่นใจครึ่งปีหลังยังไปต่อหลังพื้นที่เป็นทำเลทองประตูสู่ EEC ขณะที่ธุรกิจติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ขยายตัวสูงขึ้น โชว์สัญญา 3 โปรเจ็กต์ในไตรมาส 2 คาดทั้งปีเตรียมจรดปากกาได้สัญญารับเหมา 12 โครงการ รับกระแสพลังงานสะอาดมาแรง จากวิกฤติราคาพลังงานพุ่ง
นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด(มหาชน) หรือ WIN ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าในเขตปลอดอากร การรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยว่า จากทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในปี 2565 คาดว่า
จะทำให้บริษัทมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 ทั้งในกลุ่มการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและ ธุรกิจการติดตั้งและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)“การส่งออกปี 2565 ที่ยังคงขยายตัวประกอบกับไทยมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะมีแรงผลักดันที่ดีขึ้นโดยคาดว่าทั้งปีจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาใช้บริการเช่าโรงงานในเขตปลอดอากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรงงานของบริษัทบนถนนบางนาตราด กม.52 จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นประตู่สู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ทำให้ที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น บนทำเลถนนบางนา ตราด จึงมีศักยภาพจูงใจให้ผู้ประกอบการมาใช้บริการเช่าอาคาร โรงงานและคลังสินค้า ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการเช่าอาคาร โรงงาน และคลังสินค้า โดยปี 2565 มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวปรับมูลค่าเป็น 1,101 ล้านบาท”นายจักรกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์การสู้รบในรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูง สะท้อนผ่านค่าขนส่งต่างๆ ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กระทบต่อต้นทุนการนำเข้า-ส่งออกภาพรวมแต่ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ของบริษัทและทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางขนส่งทำให้ขณะนี้มียอดเช่าคลังสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร และพื้นที่ทั่วไป 75% ของพื้นที่ทั้งหมดและคาดว่าจะทยอยเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับการดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาพลังงานสะอาด ของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้สูงขึ้นจากการเข้าไปพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) และจัดจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ภายในอาคาร ให้กับภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา
โดยในไตรมาส 2/2565 มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 3 โครงการ ประกอบด้วย
1. งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาโรงเรียนวชิราวุธวิทยา
2.งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ในสถานนีททบ.5 และ บริษัท ฉะเชิงเทรา เพาเวอร์ จำกัด
3.งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ของ ททบ.5 เฟส 2-3 และสถานีเครือข่าย โดยคาดว่าทั้งปีบริษัทจะเข้าไปดำเนินการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้งสิ้น 12 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัททยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
“เป็นความสำเร็จของบริษัทในการพัฒนาโซลาร์รูฟท็อปต้นแบบ โดยเฉพาะในการดำเนินการโครงการร่วมกับททบ.5 สถานีสนามเป้า ซึ่งได้มีการลงนามความร่วมมือตั้งแต่ปี 2564 เพื่อรองรับจุดเปลี่ยนในเรื่องของการใช้พลังงานสะอาด โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานที่มีความคุ้มค่า
ต่อการลงทุนในขณะนี้ที่สถานการณ์ราคาค่าพลังงานได้ปรับตัวสูงขึ้น จากสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน ทำให้แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดเริ่มกลับเข้ามามีความต้องการสูงขึ้นในกลุ่มภาคการผลิตเพราะสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งบริษัท
เตรียมพร้อมเพื่อแสวงโอกาสการให้บริการติดตั้งพลังงานสะอาด ให้กับหน่วยงานต่างๆที่มีความต้องการต่อไป” นายจักรกล่าว
Post Views: 210