‘บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง’ หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย พร้อมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูจุดแข็งประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 30 ปี และทีมวิจัยพัฒนา ในการมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำเทรนด์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนเมืองและครอบคลุมทุกช่วงเวลาในการบริโภค ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในภูมิภาคอาเซียน ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับ 1 ไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้สร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 30 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ และการสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาและโอกาสในการบริโภค ผ่านการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีด้านการผลิตเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ อีกทั้งยังมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจในด้านการจัดจำหน่าย โดยการจัดตั้งบริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายที่มีระบบการทำงานทันสมัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการจำหน่ายสินค้าครอบคลุมร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งทั่วประเทศ ผลักดันให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น และมีเครือข่ายการกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกดั้งเดิม และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 35 ประเทศทั่วโลก เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย และ แอฟริกาใต้ เป็นต้น
จจุบัน ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวภายใต้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ป
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ประกอบด้วย 1.) กลุ่มผลิตภัณฑ์เยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ เจเล่ ไดยาโมโตะ และฮีโร่บอยส์ 2.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น Asian Drink ภายใต้แบรนด์เมจิกฟาร์มเฟรช และ Functional Drink ได้แก่ น้ำดื่มผสมวิตามินภายใต้แบรนด์อควาวิตซ์
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ประกอบด้วย 1.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้นและปลาเส้นภายใต้ แบรนด์เบนโตะ 2.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทขนมขึ้นรูป และขนมปังแท่ง ภายใต้แบรนด์ ดอกบัว โลตัส และ 3.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเวเฟอร์และขนมปังอบภายใต้แบรนด์ ช๊อคกี้และเบเกอรี่เฮาส์
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1).สร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำตลาดและมีศักยภาพด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มุ่งสร้างตราสินค้าให้มีความเข้มแข็งในสินค้าแบรนด์หลัก ได้แก่ เจเล่ เบนโตะ เมจิกฟาร์ม โลตัสขาไก่ และตราสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น อควาวิตซ์ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์รอง ดำเนินกลยุทธ์สื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่อง (Maintain Brand Awareness) เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมประสิทธิภาพการกระจายสินค้า เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภค
2).การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริษัทฯ มุ่งศึกษาและสำรวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาและปรับปรุง รวมทั้งเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เพื่อการเป็นผู้นำทางการตลาด รวมทั้งศึกษาและพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุมในทุกช่วงเวลาและโอกาสในการบริโภค รวมทั้งพัฒนาทางด้านรสชาติ ขนาด และราคาให้เหมาะกับกำลังซื้อ และความต้องการของผู้บริโภคแต่ละประเทศ (Localization)
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ นำความแข็งแกร่งในแง่ของแบรนด์สินค้าและแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ มุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลาย และสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มผู้บริโภคซึ่งมีกำลังซื้อสูง
3). เพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ดำเนินกลยุทธ์ในการกระจายสินค้าตามช่องทางหลัก ได้แก่ ค้าส่ง ค้าปลีก ช่องทางโมเดิร์นเทรด ออนไลน์ และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริหารและพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทั้งส่งเสริมกลยุทธ์การขายและบริหารพื้นที่จัดจำหน่ายในแต่ละช่องทาง
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า ได้แก่ บริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งมีทีมผู้บริหารและทีมขายที่มีประสบการณ์และความสามารถในการกระจายสินค้าให้กับบริษัทฯ โดยปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้า 11 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งสามารถกระจายสินค้าถึงกลุ่มร้านค้าทั้งค้าปลีกและค้าส่ง เป็นจำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่า 70,000 รายทั่วประเทศ
4).ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ วางกลยุทธ์ต่อยอดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย ไปสู่ภูมิภาค CLMV ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพโดยมีการขยายตัวของตลาดเติบโตสูงในอนาคต โดยประชากรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นของครัวเรือน และการขยายตัวของกลุ่มประชากรที่เป็นคนทำงานชนชั้นกลางวัยหนุ่มสาว ประกอบกับมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากขึ้น ผลักดันให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทานขยายตัวมากขึ้น โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยทั้งในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม เพื่อเป็นฐานในการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในภูมิภาค รวมทั้งลงทุนในการสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้บริโภค และขยายประสิทธิภาพในช่องทางการจัดจำหน่าย เสาะหาแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการผลิตให้แก่กลุ่มบริษัทฯ
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน รวมทั้งกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของบริษัทฯ ในต่างประเทศ
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง มีทุนจดทะเบียน 480 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 960 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 360 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะช่วยปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความพร้อมในการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว และขยายการลงทุนในประเทศเวียดนาม