บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ หรือ SCM โชว์ผลงานปี 64 พุ่งทะยานทำ New High ทำรายได้รวม 1,283.6 ล้านบาท เติบโต 24.7% และมีกำไรสุทธิ 217.6 ล้านบาท เติบโต 239.9% ชี้ผลงานเติบโตแข็งแกร่ง ฟากบอร์ดไฟเขียว เคาะจ่ายปันผลในอัตรา 0.29 บาทต่อหุ้น ฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ประกาศเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 50% ตามการขับเคลื่อน 4 กลยุทธ์หลัก พร้อมเดินหน้าออก ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCM ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในการดูแลสุขภาพรูปแบบเครือข่าย หรือ Multi-Level Marketing (MLM) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2564 บริษัท มีรายได้รวม 1,283.6 ล้านบาท เติบโต 24.7% จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,029.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 217.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 239.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 64.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น กำไรต่อหุ้น Earnings Per Share (EPS) 0.36 บาทต่อหุ้น ถือเป็นการทำผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) นับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ มาจากยอดขาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นกลุ่มผู้บริโภครายใหม่ที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพ และกลุ่มลูกค้าเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงได้จัดกิจกรรมทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภครับรู้ถึงแบรนด์มากขึ้น
โดยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น 235.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26% ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เดินหน้าทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องกว่า 9 ผลิตภัณฑ์ (SKUs) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Nutriga Su-Rin (เสริมอาหารป้องกันเบาหวาน), Nutriga Canza (เสริมอาหารป้องกันมะเร็ง), Phytovy ดีท็อกซ์ลำไส้, Oxy Quick Triple Action ผงซักฟอกสูตรเข้มข้น และผลิตภัณฑ์ Skincare จากน้ำมันเมล็ดกัญชง ทั้งในรูปแบบของเซรั่ม Essence และครีม เป็นต้น ถือเป็นการขยายฐานตลาดผู้บริโภคให้หลากหลายโดยเฉพาะในโซนยุโรป และอเมริกา ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 บอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.29 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลที่เหลืออีกอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม นี้
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า สำหรับในปี 2565 ถือเป็นปีที่พิเศษเพราะ ซัคเซสมอร์ได้ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 10 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตในอัตรา 50% ผ่านการขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.) Leverage Brand Energy การยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายและสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์ วางเป้าขยายฐานลูกค้า แตะระดับ 150,000 ราย จากปัจจุบัน 120,000 ราย และหากรวมดีลเลอร์จากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมแตะ 250,000 ราย 2.) Driving Digital ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัลในทุกๆ ฝ่ายงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานและเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการขยายตลาด 3.) Create Online & Offline Breakthrough System สร้างและผสมผสานระบบ Offline และ Online ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อให้รองรับและเติมเต็มจุดอ่อนจุดแข็งของทั้ง 2 ระบบ และ 4. Customer Experience Management การบริหารจัดการประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มี 2 ระดับ คือ ระดับที่ 1 เป็นการออกใหม่ตามแผน Redesign และ Reformular เพื่อให้มีดีไซน์ที่ทันสมัยและสูตรที่อัปเดตกว่า โดยเน้นพัฒนาในกลุ่มของใช้ส่วนตัวเป็นหลักก่อน เช่น โรลออน น้ำยาซักผ้าปรับผ้านุ่ม และเมาท์สเปรย์ เป็นต้น และระดับที่ 2 กลุ่มอาหารเสริมสุขภาพ ซึ่งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วยป้องกันและฟื้นฟูเรื่องภูมิแพ้ ผลิตภัณฑ์วิตามินรวมที่ช่วยดูแลสุขภาพของกลุ่ม Silver Age รวมถึงการโฟกัสปั้น 3 รายการที่ช่วยดูแลสุขภาพเฉพาะทางที่ออกจำหน่ายเมื่อปลายปีที่แล้ว คือ ผลิตภัณฑ์ Probiotic ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน รักษาสมดุลในลำไส้ ผลิตภัณฑ์ป้องกันมะเร็ง และผลิตภัณฑ์ป้องกันเบาหวาน พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้มีนโยบายขยายตลาด OEM อาหารเสริมสุขภาพ เพื่อเพิ่มผลประกอบการให้กับบริษัทลูก คือ บริษัท บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่หัวใจของการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้กลยุทธ์ฝ่ายขายและการตลาด ได้แก่ 1.เพิ่มความแข็งแรงของช่องทางดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งตีคู่กับช่องทางออฟไลน์เดิม 2. เน้นขยายฐานสมาชิกผ่านการปั้นผู้นำหรือผู้แทนธุรกิจในแต่ละภูมิภาค และเน้นเพิ่ม % Active และเพิ่มยอดซื้อต่อบิล และ 3.พัฒนาระบบ CDP เพื่อให้สามารถบริหารระบบการรักษาการซื้อต่อเนื่องของลูกค้าจนไปถึงการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกมีเป้าหมายขยายไปสู่ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ รวมถึงตลาดอเมริกา และออสเตรเลียอีกด้วยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/65