บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ หรือ SCM เดินหน้าตอกย้ำยุทธศาสตร์การเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายขายตรง (MLM) พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ราว 1,350 ล้านบาท เร่งเครื่องรุกขยายตลาดดิจิทัลเต็มกำลัง ภายใต้ธีม THE INFINITE GAME “เกมที่ไร้ขอบเขต” พร้อมประกาศผลการดำเนินงานปี 65 ทำรายได้รวม 1,180 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 170.7 ล้านบาท
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในการดูแลสุขภาพ รูปแบบเครือข่าย หรือ Multi-Level Marketing (MLM) เผยว่า ปีนี้เร่งเครื่องเดินหน้าตอกย้ำยุทธศาสตร์การเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่าย ขายตรง (Multi-level Marketing หรือ “MLM”) ประกาศเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ราว 1,350 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายผ่านนักธุรกิจในประเทศ 1,200 ล้านบาท และรายได้จากการขายส่งออกไปยังตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ 150 ล้านบาท พร้อมรุกขยายตลาดดิจิทัลเต็มกำลัง
ตลอด10 ปีเต็มของซัคเซสเมอร์ เรามุ่งหาแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้ปรับช่องทางการขายด้วยการทำกลยุทธ์ทางการตลาดให้ครบทุกฟังชั่นก์โดยเน้นกลุ่มผู้บริโภครายใหม่ที่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพ และเมื่อปลายปี 2565 เขย่าวงการ MLM ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้แบรนด์ Nutrinal (นิวทรินัล) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร S.O.D MORE ที่ได้พระเอกสุดหล่ออย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ มาสร้างกระแสคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและเป็นไอคอนนิกบุคคลมีชื่อเสียงที่สะท้อนถึง HERO BRAND ตรงตามกลยุทธ์ของ SCM และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาและออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า และล่าสุดกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรแบรนด์ GROWING MORE เปิดตัวปุ๋ยธาตุอาหารหลักพืช ทรานส์ฟอร์ม เอ็น พี เค (Transform N-P-K) ชนิดน้ำ สูตร 20-6-6 และ 6-6-20 ทางเลือกเพื่อเกษตรกร หนุนยอดขายดันรายได้รวมปี 2566 เติบโตตามเป้าไปเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังการเปิดตัวได้รับการตอบรับจากกลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างดี และสำหรับกลยุทธ์การดึงบุคคลที่มีชื่อเสียง มาช่วยเสริมการรับรู้แบรนด์ และสร้างอิมแพคมากขึ้น พร้อมเสริมทัพด้วยสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ด้วยแนวทางการทำงาน 2 ข้อหลัก ได้แก่
1.) คุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ ๆ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีและถูกใจผู้บริโภค ทั้งยังพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Product Portfolio และครอบคลุมทุกความต้องการดูแลสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน โดยผลิตภัณฑ์ของซัคเซสมอร์ในปัจจุบันมีกว่า 70 รายการ แบ่งเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย 1.1 กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 1.3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใช้ในชีวิตประจำวัน 1.4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 1.5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทันสมัย และ 1.6 กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน โดยในจำนวนนี้ 26 รายการ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
2.) การพัฒนาบุคลากรให้มี Skill รอบด้าน พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง ด้วยจุดแข็งของซัคเซสมอร์ คือ การมีฐานสมาชิกที่เหนียวแน่น ประกอบกับการมีระบบการพัฒนาคนให้มีทักษะรอบด้าน ทั้ง Mindset, Skillset และภาวะผู้นำ จึงทำให้สมาชิกสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และมีความผูกพันกับบริษัท ส่งผลให้ในปัจจุบันซัคเซสมอร์มีฐานสมาชิกกว่า 184,000 ราย แบ่งเป็นสมาชิกในไทย 130,000 ราย และสมาชิกในต่างประเทศ 54,000 ราย
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ หรือ SCM กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2566 “ซัคเซสมอร์” ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี และเตรียมพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มุ่งมั่นปั้นแบรนด์ให้เติบโตและครองความเป็น Top of Mind ในใจผู้บริโภคบนสมรภูมิธุรกิจขายตรง ภายใต้ธีม THE INFINITE GAME “เกมที่ไร้ขอบเขต” ผ่านการขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ
1.) ขยายฐานสมาชิก บริษัทฯ วางเป้าขยายฐานสมาชิกในประเทศไทย แตะระดับ 180,000 ราย จากปัจจุบัน 130,000 ราย ซึ่งหากรวมสมาชิกที่อยู่ในต่างประเทศที่ตั้งเป้าว่าจะขยายไปสู่ 70,000 ราย จากปัจจุบัน 54,000 ราย จะทำให้ฐานสมาชิกรวมขยายไปแตะระดับ 250,000 ราย (ในรูปแบบของสมการ XYZ โดยที่ X คือ การเพิ่มฐาน Member ให้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Y คือ คุณภาพของสมาชิกต้อง Active มากขึ้นต่อเดือน ส่วน Z คือ ยอด Order Side ที่สมาชิกแต่ละคนซื้อต้องมียอดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมุ่งเน้นเจาะตลาดพื้นที่ที่มีกำลังซื้ออย่าง ภาคอีสานและภาคกลาง โดย ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีจำนวนสมาชิกรวม 184,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกในประเทศไทย 130,000 คน และสมาชิกในต่างประเทศ 54,000 คน)
2.) สร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ ยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายและสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์ โดยสร้าง Hero Brand
3.) ยกระดับมาตรฐานระบบงานและคน สร้างต้นแบบนักธุรกิจซัคเซสมอร์ที่ประสบความสำเร็จ และพัฒนาทีมประจำภูมิภาคให้ได้ 10-15 ทีม เพื่อการสร้างการรับรู้แบรนด์และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภคให้มากขึ้น
4.) สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า การบริหารจัดการประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางกรอบงบประมาณการลงทุนในปีนี้ เพื่อพัฒนาเครื่องมือ ระบบ Offline และ Online ทั้ง Application Website และ Platform Social ครบครัน เพื่อสร้างช่องทางการขายและโอกาสทางธุรกิจให้กับสมาชิก พร้อมปรับแผนนโยบายองค์กรมุ่งเน้นการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์พร้อมเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค และผลักดันให้แบรนด์ “ซัคเซสมอร์” สามารถขึ้นแท่น Top of Mind ในปี 2566
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวเสริมว่า สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,180 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขายสินค้าผ่านนักธุรกิจในประเทศ 1,058 ล้านบาท รายได้จากการขายส่งออกไปยังตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ 60 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 5 ล้านบาท และรายได้อื่น เช่น รายได้จากการใช้ตราสารสินค้า และรายได้จากการสมัครสมาชิก รวม 57 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 170.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าบริหารค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายในบริหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการมองหาช่องทางและโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมถึงโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 นี้ ตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศฟิลิปปินส์จะเริ่มเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายส่งออกของบริษัทฯ เติบโตมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่ทีมบริหาร ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาโอกาสในการสร้าง Ecosystem ของสินค้าเพื่อการเกษตรของบริษัทฯ ให้มีความครบวงจรมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปีที่จะถึงนี้