กลุ่มบริษัท เค.พี. อะโกร จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท เค.พี. อะโกร โคราช จำกัด กับ บริษัท ซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความมุ่งมั่นขับเคลื่อนพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรสู่ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก พร้อมเดินหน้าสนับสนุนสร้างระบบนิเวศอย่างยั่งยืน สู่องค์กรปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net-Zero) โดยมี Mr. Kevin Radunz, Head Seeds Production Operations, APAC พร้อมผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัทร่วมเป็นพยานในพิธี
นายปรเมศ อิงสุวรรณ CEO บริษัท เค.พี. อะโกร โคราช จำกัด และกลุ่มบริษัท เค.พี. อะโกร เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง บริษัท เค.พี.อะโกร โคราช จำกัด และ บริษัท ซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า การลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงถึงความร่วมมือในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่มีคุณภาพสูงสุดผ่านกระบวนการลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ โดยใช้ความร้อนแบบรวมศูนย์ ที่มีการนำเอาวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตมาเป็นเชื้อเพลิงในการอบลดความชื้น ตามแนวทางของการลดขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรสามารถจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ บริษัท เค.พี. อะโกร โคราช เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท เค.พี.อะโกร ซึ่งมีบริษัทในเครือประจำอยู่ทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยบริษัท เค.พี. อะโกร โคราช ตั้งอยู่ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา มีกำลังผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 200 ตันต่อวัน ให้บริการการลดความชื้นสินค้าทางการเกษตร และปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเป็น 500 ตันต่อวัน เพื่อรองรับแผนการผลิตให้กับบริษัทซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งนับว่าเป็นโรงงานอบเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่มีกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอาเซียน รวมทั้งโรงงานดังกล่าวยังเป็นองค์ประกอบหลักของ Supply Chain เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของทางซินเจนทา เพื่อไปสู่เป้าหมายที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารหลัก (Food Hub) ของเอเชียและของโลกต่อไป
นายพิชญา รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซินเจนทา ดำเนินธุรกิจทางด้านการวิจัย และจัดจำหน่าย เมล็ดพันธุ์ และเคมีทางการเกษตร เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกที่มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคการเกษตร ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าคำนึงถึงความปลอดภัย ปกป้องสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและประชากรโลก ภายใต้พันธกิจ “นำศักยภาพของพืชสู่ชีวิต” (Bringing Plant Potential to Life) ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะยกระดับทำให้สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรของไทย รวมถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นฐานการผลิตที่มีคุณภาพในการลงทุนครั้งสำคัญนี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน “นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท เค.พี. อะโกร และบริษัท ซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้ร่วมกันเฉลิมฉลองการเป็นพันธมิตรที่ดีในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี และพร้อมจะเดินหน้าร่วมกันสนับสนุนพัฒนาคุณภาพอุตสาหกรรมสินค้าการเกษตรไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป” นายปรเมศ กล่าวทิ้งท้าย