สมาคมประกันชีวิตไทย ชวนออมเงินโดยนำเงินโบนัส เงินคืนภาษี มาต่อยอดให้งอกเงยมั่งคั่ง พร้อมสร้างความมั่นคงให้ตนเองและครอบครัวด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต
นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมาหลาย ๆ คนอาจเริ่มต้นปีด้วยข่าวดีกับการได้รับโบนัสก้อนโต และยังได้รับคืนเงินภาษีมาให้ชื่นใจ ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านได้วางแผนซื้อความสุขให้กับตนเองและคนที่รักไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้แบ่งใช้ แบ่งเก็บเพื่ออนาคต โดยการต่อยอดเงินออมให้งอกเงย สร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืนแบบมีวินัยการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ ซึ่งนอกจากการเก็บออมแล้วก็ยังจะได้รับความคุ้มครองชีวิต คุ้มครองสุขภาพ หรือคุ้มครองอุบัติเหตุ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เป็นการลดภาระให้กับตัวเองและครอบครัว ไม่ดึงเงินเก็บออกมาใช้ในยามฉุกเฉิน ถือเป็นวิธีสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและอนาคต
สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตนั้นมีหลากหลายให้เลือกตามความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น แบบประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) ซึ่งเป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์ โดยบริษัทรับประกันภัยจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือ ให้กับบุคคลที่ผู้เอาประกันภัยระบุไว้ว่าจะมอบประโยชน์ให้หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ทั้งนี้ในรายละเอียดของบางแบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์อาจจะมีเงินคืนระหว่างสัญญา ซึ่งประกันแบบดังกล่าวนี้ยังเหมาะที่จะสะสมเป็นเงินทุนเพื่อเป้าหมายที่สำคัญของชีวิต หรือทำไว้ให้กับบุตรหลานเพื่อเป็นการสร้างความมั่นคง เป็นทุนการศึกษา เป็นมรดก รวมถึงเป็นทุนไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเมื่อยามเติบโตได้อีกด้วย
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบการลงทุน ก็ยังมีประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked) ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มค่าทั้งด้านความคุ้มครองชีวิตและโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุน มีลักษณะสำคัญคือมีความยืดหยุ่นเพราะผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกลงทุนด้วยตนเองจากกองทุนรวมที่บริษัทประกันชีวิตคัดสรรไว้ โดยที่ได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิตรวมอยู่ด้วยหรือจะวางแผนออมเงินเพื่อวัยเกษียณ ประกันชีวิตแบบบํานาญ (Pension) ก็สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นแบบที่มุ่งเน้นการออมเงินในขณะที่ผู้เอาประกันภัยกำลังอยู่ในวัยทำงานและเป็นผู้มีรายได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บไว้เป็นรายได้ยามเกษียณ โดยเก็บสะสมไว้ทุกปีและเมื่อถึงวัยเกษียณ 55 ปี หรือ 60 ปีบริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินบำนาญให้ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตถือเป็นการสร้างวินัยการออมที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะมีสภาพคล่องน้อยกว่าฝากเงินกับธนาคารเนื่องจากไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ก่อนครบกำหนดสัญญา แต่ถือเป็นการนำเงินไปต่อยอดที่คุ้มค่า เพราะการลงทุนหรือออมผ่านประกันชีวิตมีการคุ้มครองชีวิตเป็นหลัก หากมีเหตุทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถส่งเบี้ยประกันภัยต่อไปได้ ครอบครัวหรือผู้ได้รับผลประโยชน์ก็ยังสามารถได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่าเงินออมหรือการลงทุนประเภทอื่นๆ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติม