ทิพยประกันภัย จับมือ กฟผ. เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเวลเนส รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในการเปลี่ยนไทยให้เป็นประเทศรายได้สูง ด้วยการบูรณาการความร่วมมือศึกษาแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเวลเนสในประเทศไทย
นางสาวสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิพยประกันภัย รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนภารกิจให้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ด้วยการศึกษาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเวลเนส ของประเทศไทย ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยมาช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าและ Ecosystem ของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมใหม่ที่มีมูลค่าสูงเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเวลเนส เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Wellness Destination ของเอเชีย
ด้าน นายจรัญ คำเงิน รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า กฟผ. มีแผนยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้บริบทใหม่ที่มีศักยภาพ ด้วยตระหนักว่าอุตสาหกรรมเวลเนส เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็น Mega Trend สามารถสร้างมูลค่าและการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันอุตสาหกรรมเวลเนสไทย มีมูลค่าทางตลาดถึง 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพ อาหาร และสมุนไพร ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าต่อประเทศสูงที่สุดถึง 890,000 ล้านบาท ตามผลการศึกษาของ Global Wellness Institute ปี พ.ศ. 2565 จึงทำให้ กฟผ. มองเห็นโอกาสสร้างมูลค่าให้กับประเทศ ยกระดับขีดความสามารถของแต่ละจังหวัดพื้นที่เป้าหมาย ภายใต้โครงการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส กฟผ. โดยมุ่งพัฒนาโครงการแต่ละพื้นที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด และบูรณาการเชื่อมโยงพื้นที่เขื่อนและโรงไฟฟ้า กฟผ. รวม 8 พื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์เวลเนสประเทศไทยและยุทธศาสตร์ชาติ
ทั้งนี้จากความร่วมมือกันระหว่างทิพยประกันภัย กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมเวลเนส ตลอดจนต่อยอดนวัตกรรมที่ทำให้มูลค่าองค์กรเพิ่มสูงขึ้น และสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจมูลค่าสูงให้กับประเทศไทยต่อไป