ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถไฟขนส่งสินค้า เลขหัวลาก 5102 และแคร่บรรทุก จำนวน 30 แคร่ พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ เฉี่ยวชนกับรถบัสโดยสาร หมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา บริเวณสถานีรถไฟแขวงกลั่น หมู่ 7 ตำบลบางเตย อำเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และได้รับบาดเจ็บ 41 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2563 นั้นจากการประสานงานติดตามช่วยเหลือด้านสินไหมทดแทน สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ได้รายงานความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จากบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ NCM19007926071 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2564 ว่าได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตแล้ว จำนวน 17 ราย แบ่งเป็นรายละ 311,551.72 บาท จำนวน 16 ราย และ 35,000 บาท จำนวน หนึ่งราย รวมเป็นเงิน 5,019,827.52 บาท กรณีรักษาพยาบาล จำนวน 35 ราย รวมเป็นเงิน 555,327.12 บาท รวมค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายทั้งสิ้น 5,575,154.64 บาท
สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 จากบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 63-3-6-600792 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2563 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2564 ได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตแล้ว จำนวน 16 รายๆ ละ 311,551.72 บาท รวมเป็นเงิน 4,984,827.52 บาท กรณีรักษาพยาบาล จำนวน 42 ราย รวมเป็นเงิน 837,872.51 บาท รวมค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายทั้งสิ้น 5,822,700.03 บาท
ทั้งนี้ ในส่วนค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยรถยนต์ PA อุบัติเหตุส่วนบุคคล ได้จ่ายไปแล้ว จำนวน 17 รายๆ ละ 50,000 บาท เป็นเงิน 850,000 บาท รวมจำนวนเงินที่จ่ายค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุดังกล่าวไปแล้ว เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 12,247,854.64 บาท
สำหรับค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต จำนวนทั้งหมด 18 ราย ทายาทโดยธรรมได้รับแล้ว จำนวน 17 ราย ยังคงเหลือทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตรายนางสาวเมลดา ภูครองผา ที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากอยู่ระหว่างรอเอกสารเกี่ยวกับการจัดการมรดกจากศาลยุติธรรม“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งเตรียมสภาพร่างกายให้มีความพร้อมในระหว่างการใช้รถใช้ถนนและหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และประกันชีวิตอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้าไปช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย