เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันชีวิต ได้มอบเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความให้แก่นายอิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร เป็นจำนวนเงิน 1,312,000 บาท และให้แก่นายอรรถสิทธิ์ อรรถกระวีสุนทร เป็นจำนวนเงิน 1,352,000 บาท (นายอิทธิชัยรับมอบอำนาจให้เป็นผู้รับเงินแทน) รวม 2,664,000 บาท โดยมี ดร.สุทธิพล ทวีชัยการในฐานะรองประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันชีวิต นายนพพล เบี้ยวไข่มุข ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต และนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO เป็นสักขีพยานในการมอบเงินดังกล่าวให้แก่ผู้เอาประกันภัย ที่บูธของคปภ. ในงานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO 2022 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพคเมืองทองธานี
นายอิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร ผู้เอาประกันภัย ได้เปิดเผยว่า คุณพ่อได้ทำประกันชีวิตไว้ให้ตน 1 กรมธรรม์ โดยมีเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์จำนวน 1,312,000 บาท และให้พี่ชายคือนายอรรถสิทธิ์ อรรถกระวีสุนทร 2 กรมธรรม์จำนวน 1,352,000 บาท รวมเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ทั้งสิ้นจำนวน 2,664,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้รับเงินเนื่องจากเมื่อปี 2554 ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมแล้วทำเอกสารสูญหายและหลงลืมไปจนล่วงเลยเกินกว่า 10 ปี บริษัทฯ จึงได้นำส่งเงินมาที่กองทุนประกันชีวิต ต่อมาคุณพ่อได้เข้าไปตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์กองทุนประกันชีวิต แล้วพบว่ามีเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความอยู่ ตนจึงมาติดต่อขอรับเงินดังกล่าวจากกองทุนประกันชีวิต ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ต้องขอขอบคุณกองทุนประกันชีวิตมา ณ โอกาสนี้ด้วย
นายนพพล เบี้ยวไข่มุข ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิตได้กล่าวว่า กองทุนประกันชีวิตมีนโยบายเร่งรัดประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์จากการทำประกันชีวิตในบทบาทหน้าที่ของกองทุนฯ โดยเฉพาะเงินกรมธรรม์ที่ล่วงพ้นอายุความ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีจำนวนเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความกว่า 1,620 ล้านบาท มีจำนวนผู้เอาประกันภัยที่มีสิทธิร่วม 1.5 ล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้มีนายอิทธิชัย และนายอรรถสิทธิ์ อรรถกระวีสุนทร รวมอยู่ด้วย และเป็นจำนวนเงินผลประโยชน์ต่อรายสูงที่สุดตั้งแต่จัดตั้งกองทุนประกันชีวิต
นายนพพล ได้กล่าวต่อไปว่า เงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความก็คือเงินที่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือทายาทของผู้เอาประกันภัย มีสิทธิได้รับตามกรมธรรม์ แต่ไม่ได้เรียกร้องหรือขอรับคืนจากบริษัทฯ จนล่วงพ้นไป 10 ปี กฎหมายกำหนดให้บริษัทประกันชีวิตต้องนำส่งเงินดังกล่าวเข้ากองทุนประกันชีวิต ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับผลประโยชน์ หรือทายาทแล้วแต่กรณี สามารถขอรับเงินคืนจากกองทุนประกันชีวิตได้ภายในระยะเวลาอีก 10 ปีนับแต่วันที่กองทุนฯ ได้รับเงินนำส่งจากบริษัทฯ ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิของตนผ่านเว็บไซต์กองทุนประกันชีวิต www.lifeif.or.th หากพบว่าตนมีสิทธิในเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ ก็สามารถยื่นเอกสารคำขอรับเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ พร้อมแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งมาทางไปรษณีย์ หรือยื่นคำขอรับเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความผ่านทางเว็บไซต์กองทุนประกันชีวิต เมื่อได้รับคำขอแล้วกองทุนฯ จะดำเนินการตรวจสอบและอนุมัติจ่ายเงินคืนให้ ด้วยการโอนเงินผ่านช่องทางธนาคารต่อไป ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว อันเป็นเจตนารมณ์ของกองทุนฯ