ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมบัญชีกลางได้ประกาศผลการประเมินทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปีบัญชี 2564 จำนวน 4 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น 2. รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น 3. รางวัลการพัฒนาดีเด่น และ 4. รางวัลผู้บริหารทุนหมุนเวียนดีเด่น โดยมีทุนหมุนเวียนที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 13 แห่ง จากจำนวนทุนหมุนเวียนทั้งหมด 115 แห่ง สำหรับกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ.ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น โดยได้รับคะแนนการประเมินภาพรวม 4.3144 คะแนน ซึ่งมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2564 ภายใต้ชื่องาน “สานต่อนโยบายรัฐ ต่อยอดเศรษฐกิจ สู่อนาคตวิถีใหม่” เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ณ ห้องจูปิเตอร์ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
อนึ่ง กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ. ได้เข้าสู่ระบบการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ของกรมบัญชีกลางตั้งแต่ 2558 จนถึงปัจจุบัน โดยได้นำผลและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินมาปรับปรุงการดำเนินงานของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการติดตามหนี้ค่าเสียหายเบื้องต้น ทำให้สามารถไล่เบี้ยเรียกคืนเงินจากเจ้าของรถที่ฝ่าฝืนไม่จัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพิ่มขึ้นมีการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตลอดจนมีการปรับปรุงการทำงานจนมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ สำหรับการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน (ตัวชี้วัดด้านที่ 4) ด้านการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย มีการจัดให้มีการระบุความเสี่ยงของกองทุนที่มีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายประจำปี และมีการดำเนินการตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ด้านการตรวจสอบภายในมีการกำหนดแผนการตรวจสอบภายในที่ชัดเจน และมีการดำเนินการตามแผน รวมทั้งรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ด้านการจัดการสารสนเทศและดิจิทัล มีการกำหนดแผนปฏิบัติการดิจิทัลและแผนปฏิบัติการดิจิทัลประจำปี ที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์และพันธกิจ สำหรับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงานและลูกจ้าง (ตัวชี้วัดด้านที่ 5) คณะกรรมการบริหารกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมีการกำหนดทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการประจำปี ที่ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กรมบัญชีกลางกำหนด มีการติดตามการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยอย่างชัดเจน ทำให้ในปี 2564 กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ. ได้รับคะแนนการประเมินภาพรวม 4.3144 คะแนน และเป็นคะแนนการประเมินสูงสุดที่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเคยได้รับการประเมินจากกรมบัญชีกลาง
ทั้งนี้ กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ภายใต้สำนักงาน คปภ. จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยมีบทบาทเป็นกองทุนสำหรับจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยจากรถ ในกรณีที่ผู้ประสบภัยจากรถไม่ได้รับการชดใช้จากบริษัทประกันภัยหรือประสบภัยจากรถคันที่ไม่มีประกันภัย พ.ร.บ. และไม่สามารถเรียกร้องจากที่ใดได้ เช่น เจ้าของรถที่ไม่ทำประกันภัย พ.ร.บ. ไม่จ่ายค่าเสียหายหรือรถชนแล้วหนี เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถให้ได้รับการรักษาพยาบาลหรือได้รับการชดใช้ค่าเสียหายได้ทันท่วงที เป็นหลักประกันว่าสถานพยาบาลทุกแห่งจะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาล โดยการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยจากรถ แบ่งออกเป็น 1) กรณีบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท 2) กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะจ่ายรายละ 35,000 บาท หรือ 3) หากผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บและต่อมาทุพพลภาพหรือเสียชีวิต จ่ายสูงสุดรายละไม่เกิน 65,000 บาท และเมื่อจ่ายแล้วกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจะไล่เบี้ยเรียกคืนกับเจ้าของรถที่ไม่จัดทำประกันภัย พ.ร.บ. พร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 20 ที่ผ่านมากองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2535 และในปี 2564 ได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ เป็นจำนวน 9,151 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 179,198,565.58 บาท ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระความเดือนร้อนของผู้ประสบภัยจากรถและครอบครัว รวมทั้งช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในด้านสวัสดิสงเคราะห์อีกด้วย
“รางวัลที่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ. ได้รับในครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นขวัญกำลังใจให้บุคลากรในสังกัดกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำนักงาน คปภ. รักษามาตรฐานการทำงานเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย