ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2567 มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นในทุกภาคส่วนธุรกิจ

ฮ่องกง– กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทซึ่งมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่สาม สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567

อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

  • มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็นมูลค่า 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการเติบโตของทุกภาคส่วนธุรกิจ
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • ได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน

เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน

ปี 2567

ปี 2566

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)

ปี 2567

ปี 2566

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)

1,161

994

16%

17%

3,616

3,023

22%

20%

อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)

52.2%

51.2%

0.8 จุด

1.0 จุด

53.3%

50.9%

2.4 จุด

2.4 จุด

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)

2,212

1,938

14%

14%

6,758

5,922

16%

14%

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า

“เอไอเอได้แสดงถึงผลงานที่แข็งแกร่งอีกครั้ง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็น 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโตจากทุกภาคส่วนธุรกิจในไตรมาสที่สามของปี 2567 เราประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติสำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่ในสามไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายทางธุรกิจของเรา  การมุ่งเน้นในการดำเนินกลยุทธ์ของเราอย่างต่อเนื่องได้ช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของเอไอเอ หนุนให้เกิดการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร อีกทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจใหม่ ๆ นั้นได้สร้างกำไรและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และสร้างกระแสเงินสด ซึ่งทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมั่นใจของเราในการที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ในจีนแผ่นดินใหญ่ เรากำลังก้าวหน้าอย่างมากในการขยายธุรกิจและเติบโตในพื้นที่ใหม่ ๆ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง   เอไอเอดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลกสำหรับประกันชีวิตและสุขภาพ ผมยังคงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ของเราอย่างต่อเนื่องนั้น จะสร้างมูลค่าที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราทุกท่านต่อไป”

สรุปผลการดำเนินงานของไตรมาสที่สาม

เอไอเอ มีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เป็นจำนวน 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สามของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเติบโตใน 15 ตลาด จาก 18 ตลาดที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่ พรีเมียร์ เอเจนซี่ สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถึงร้อยละ 15 โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมและผลผลิตของตัวแทนที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับการรับสมัครตัวแทนใหม่ยังคงแข็งแกร่งโดยเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก อีกทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานให้กับกลุ่มบริษัทยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2566 มูลค่าธุรกิจใหม่ที่มาจากพันธมิตร เติบโตถึงร้อยละ 16 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่ยอดเยี่ยมจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 

เอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จแม้ว่าเราจะนำผลิตภัณฑ์บางอย่างออกก่อนกำหนดก่อนการปรับราคาทั่วทั้งอุตสาหกรรมในระหว่างไตรมาสและการเปรียบเทียบที่แข็งแกร่งมากในไตรมาสที่สามของปี 2566 ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้า เรายังคงเติบโตด้วยพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่มีความเป็นมืออาชีพและแตกต่าง ตลอดจนแรงหนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม สัดส่วนของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานมีมากขึ้น และผลผลิตที่ได้จากตัวแทนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตถึงร้อยละ 10   เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างความก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่องด้วยการขยายตัวทางภูมิศาสตร์ การส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยม สอดคล้องกับที่เรามุ่งพัฒนาคุณภาพของการเปิดรับตัวแทนใหม่และจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราเพิ่งได้รับอนุมัติเพื่อเตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง  เพื่อความชัดเจน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่บนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยไม่มีการคำนวณการเปรียบเทียบในปี 2566 ใหม่ และใช้สมมติฐานทางเศรษฐกิจในปี 2567 เกณฑ์ “like-for-like” หรือเปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะเพิ่มอัตราการเติบโตที่รายงานไว้สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน อย่างมีนัยสำคัญ

เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงขึ้นร้อยละ 24 ซึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ความสำเร็จนี้มาจากช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา แม้ว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ผ่านที่ปรึกษาทางการเงินอิสระรายย่อย (IFA) และช่องทางนายหน้าลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ของเรามีการเติบโตที่ดีเยี่ยม การสรรหาตัวแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรของเราจากลูกค้าทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในไตรมาสที่สาม ช่องทางตัวแทนของเราสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้สูงที่สุดจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากที่ได้กลับช่องทางตัวแทนของเราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รายไตรมาสสูงสุดจากลูกค้า MCV นับตั้งแต่กลับมาเดินทางได้ตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

เอไอเอ ประเทศไทย รายงานการเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2567 โดยเรายังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดและยังรักษาสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมได้เป็นอย่างดีแม้ว่าความต้องการในตลาดจะชะลอตัวจากการปรับราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ สำหรับประเทศสิงคโปร์ ผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ระยะยาวแบบยูนิต ลิงค์ โดย AIA Regional Funds Platform ซึ่งให้การเข้าถึงผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกแต่เพียงผู้เดียว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักของมูลค่าธุรกิจใหม่ ด้านเอไอเอ มาเลเซีย ที่ให้ความสำคัญกับทั้งความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ช่วยให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเป็นเลขสองหลัก ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยรวมแล้วธุรกิจในอาเซียนของเรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ร้อยละ 8

สำหรับในกลุ่มตลาดอื่น ๆ สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเพิ่มขึ้นใน 9 ตลาดจาก 11 ตลาดของเรา โดยเราได้เห็นการเติบโตอย่างดีจากธุรกิจในอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน (จีน) และธุรกิจในเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบเป็นรายปีจากฐานที่ต่ำ Tata AIA Life ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย กลับมาเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่ตามที่ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ และยังคงรักษาอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในด้านความคุ้มครองสำหรับรายย่อย คิดตามยอดจำนวนเงินเอาประกันภัย

โดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) สำหรับกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 14 เป็น 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามของปี 2567 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 0.8 จุดเมื่อเทียบเป็นรายปี และยังคงแข็งแกร่งที่ร้อยละ 52.2 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เป็น 10,301 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สาม

รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่และใช้แนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ  อันดับความน่าเชื่อถือโดยเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นถือครองนั้นยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับความน่าเชื่อถือ”ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน มีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 1,700 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 43 ล้านเหรียญสหรัฐ   ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 หุ้นกู้ประมาณ 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.04 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดของเรา ถูกปรับระดับลงให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสที่สามของปี 2567

ภาพรวม

ภูมิภาคเอเชียมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการออมส่วนบุคคลที่สูงขึ้น ประชากรมีอายุมากขึ้นแต่มีอัตราการเข้าถึงประกันภัยต่ำ รวมถึงสวัสดิการการคุ้มครองที่จำกัดในภูมิภาค ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอันมากมายของเราทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการนี้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาคในระยะใกล้ก็ตาม  เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เอไอเอสามารถคว้าโอกาสระยะยาวมหาศาลในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการสร้างเงินกองทุนส่วนเกิน และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่มากขึ้น

 ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หมายเหตุ:

  1. ผลประกอบการในไตรมาสที่สาม ของเอไอเอปี 2567 และปี 2566 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 และวันที่ 30 กันยายน 2566 ตามลำดับ
  2. ตัวเลขทั้งหมดแสดงในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามจริงในรอบปี (AER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงที่แสดงโดยเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เฉลี่ยสำหรับปี 2567และ 2566
  3. สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวตามที่เปิดเผยไว้ในส่วนที่ 5.2 ของข้อมูลมูลค่าพื้นฐานเพิ่มเติมในรายงานประจำปี 2566 ของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเกณฑ์มูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV) สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่สามปี 2567 สมมติฐานที่ไม่ใช่เชิงเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ในพื้นฐาน EV อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อสะท้อนถึงมุมมองล่าสุดของเอไอเอเกี่ยวกับประสบการณ์ที่คาดหวังในอนาคต
  4. มูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทไม่รวมมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
  5. มูลค่าธุรกิจใหม่คำนวณตามสมมติฐาน ณ จุดขาย

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ไม่รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและถูกรายงานก่อนการหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

  1. เบี้ยประกันภัยรับปีแรกคิดเป็นร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว ก่อนที่จะมีการประกันภัยต่อและไม่รวมธุรกิจบำนาญ
  2. เบี้ยประกันภัยรับรวมประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุร้อยละ 100 เบี้ยประกันภัยปีแรกร้อยละ 100 และเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวร้อยละ 10 ก่อนจะมีการประกันภัยต่อ
  3. ในบริบทของส่วนธุรกิจที่มีการรายงานของเรา ฮ่องกง หมายถึงการดำเนินงานในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (SAR) และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์ หมายถึงการดำเนินงานในสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่นๆ หมายถึงการดำเนินงานในออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม

การขยายพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของเอไอเอ ประเทศจีน หมายถึงการดำเนินงานของเราในเทียนจิน เหอเป่ย เสฉวน หูเป่ย และเหอหนาน  อาเซียน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึงการดำเนินงานในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

  1. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่ สำหรับตลาดอื่น ๆ รวมผลการดำเนินงานจากการถือหุ้นร้อยละ 49 ของเราในบริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) เบี้ยประกับภัยรับปีแรกและมูลค่าธุรกิจใหม่ ไม่รวมเงินสมทบจากการถือหุ้นร้อยละ 24.99 ของเราในบริษัทประกันชีวิต ไชน่า โพสต์ (China Post Life Insurance Co., Ltd.) เพื่อความชัดเจน เบี้ยประกันภัยรับรวม ไม่ได้รวมการสนับสนุนใด ๆ จาก Tata AIA Life และ China Post Life
  2. ผลการดำเนินงานของ Tata AIA Life ได้รับการบันทึกโดยใช้งวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ในผลประกอบการรวมของเอไอเอ สำหรับไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 และไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ตามลำดับ