กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ตระกูล “เจียอาภา” รุกธุรกิจใหม่ ก้าวสู่ตลาดอุตสาหกรรมการบริการครั้งแรก เตรียมเปิด “โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” (Andaz Pattaya Jomtien Beach) ดึงแบรนด์ “Andaz” (แอนดาซ) โรงแรมสุดหรูระดับโลกในเครือ “Hyatt” (ไฮแอท) เข้าประเทศไทยแห่งแรก พร้อมต้อนรับนักเดินทางในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
คุณณฤทธิ์ เจียอาภา เจ้าของโรงแรม Andaz Pattaya Jomtien Beach และ คุณชินทัต เจียอาภา ทายาทรุ่นที่สอง เปิดเผยว่า ได้มองเห็นโอกาสของที่ดินมรดกในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ สอดคล้องกับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของการท่องเที่ยวไทยหลังโควิด จึงได้ลงทุนในธุรกิจโรงแรมเป็นครั้งแรก บนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ริมหาดตะวันรอนที่เงียบสงบและสวยงามของเมืองพัทยา ใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและหมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์ของบางเสร่ โดยได้มีแผนพัฒนาเป็น “โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” ด้วยมูลค่ากว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,300 ล้านบาท) ออกแบบตกแต่งโดย “A49” บริษัทสถาปัตยกรรมมากฝีมือเจ้าของรางวัลระดับประเทศมากมาย ภายใต้คอนเซปต์ “รีสอร์ตไลฟ์สไตล์” ผสานการบริการระดับโลก เข้ากับธรรมชาติ เอกลักษณ์ของพัทยา และความเป็นไทยในมุมมองใหม่ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์นักท่องเที่ยวปัจจุบันที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่าง
คุณณฤทธิ์ เจียอาภา กล่าวว่า “ครอบครัวของเรารักที่ดินผืนนี้ ที่ดินริมทะเลที่มีความสวยงามตามธรรมชาติและปกคลุมด้วยความร่มรื่นของต้นใหม่ใหญ่ เราจึงอยากนำมาพัฒนาเพื่อส่งต่อความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ให้แก่ผู้มาเยือนเมืองพัทยา ซึ่งเรารู้สึกยินดีและตื่นเต้นมากที่ได้สร้างสรรค์
“โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” ขึ้นมา เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวระดับลักชูรี่ให้กับประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ เราเชื่อว่า “หาดจอมเทียน” หาดที่มีชื่อเสียงของพัทยา จะสามารถสร้างความแตกต่าง เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้มาค้นพบเสน่ห์ของเมืองไทยที่แตกต่างจากที่เคย”
ด้าน คุณชินทัต เจียอาภา ผู้หลงใหลในการท่องเที่ยว ได้กล่าวถึงแบรนด์ “Andaz” ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมระดับโลกว่า นับเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมโรงแรมระดับลักชูรี่ของไทยครั้งยิ่งใหญ่ การเปิดตัวของโรงแรม Andaz แห่งแรกในไทย จะทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการโรงแรมหรูของนักเดินทางยุคใหม่ ที่สามารถมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง ทั้งด้านไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมท้องถิ่น “โรงแรมแอนดาซ พัทยา จะสร้างความโดดเด่นให้กับวงการบริการของประเทศไทย นักเดินทางปัจจุบันต้องการการผักผ่อนที่เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางได้อย่างแท้จริง โดยแบรนด์ “Andaz” สามารถสร้างประสบการณ์ในท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเน้นย้ำถึงมรดกอันมีคุณค่าของจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในขณะเดียวกันก็มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยอดเยี่ยม และกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับแขกทุกคน ตั้งแต่คู่รัก เพื่อนฝูง ไปจนถึงครอบครัว และกลุ่มองค์กร”
ครอบครัว “เจียอาภา” นำโดย คุณณฤทธิ์และคุณชินทัต สองนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (Seafresh Industry PCL) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2525
โดยเป็นผู้นำด้านการแปรรูปและส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งแช่แข็งจากประเทศไทย ด้วยจำนวนพนักงานมากกว่า 3,000 คน และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยการดำเนินงานภายใต้ค่านิยมหลักของความรับผิดชอบต่อสังคม ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก รวมถึงล่าสุดได้ส่งเสริมประเทศไทยในเวทีโลก ด้วยการเปิดตัว “โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช”
“ไม่มีความลับในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เว้นแต่ความขยันหมั่นเพียร ความอุตสาหะ ความปรารถนาและแรงจูงใจในการเรียนรู้ต่อไป ปรัชญาที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งของเรา คือการใส่ใจกับพนักงานทุกคน ถ้าไม่มีทีมงานที่ดี ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน” คุณณฤทธิ์ให้ข้อคิด
“โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” จะเป็นโรงแรมที่ไม่ซ้ำแบบใครที่ช่วยยกระดับภาคการโรงแรมของประเทศไทย ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่เมื่อมาถึง แขกจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่ “Rain Tree Court” ท่ามกลางต้นไม้พื้นเมืองที่ร่มรื่น ก่อนเข้าสู่ “The Village Square” พื้นที่เปิดโล่งสำหรับทำกิจกรรมร่วมกันได้ และยังผ่อนคลายได้ตลอดการเข้าพักในพื้นที่พักผ่อนที่หลากหลายของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็น Resort Centre, Lobby และ Teak Lounge ร้านอาหารอีก 4 แห่ง ได้แก่ “Wok Wok”
ร้านอาหารไทยและอาหารเอเชีย “La Cucina” ห้องอาหารสไตล์ ‘ตราตโตเรีย‘ อิตาเลียนแท้ ๆ “Village Butcher” ร้านสเต็กที่ปรุงเนื้อระดับพรีเมียมบนเตาถ่าน “Fish Club” เป็นร้านอาหารทะเลและบาร์ริมชายหาดบรรยากาศสบาย ๆ ยังมีสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ ให้ได้แหวกว่ายพร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน สระว่ายน้ำแบบ Lap Pool ที่เงียบสงบ และสระสำหรับคุณหนู ๆ ใกล้กับคิดส์คลับ เอกลักษณ์ของ “โรงแรมแอนดาซ พัทยา จอมเทียน บีช” คือ “บ้านไม้สักแบบดั้งเดิม” ที่ได้รับการอนุรักษ์และบูรณะให้เป็น “โรงน้ำชา” (Teahouse) หรือสถานที่สำหรับจัดงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบ้านมรดกอันวิจิตรงดงามอีก 2 หลังได้รับการดัดแปลงเป็นที่พักที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโรงแรม ได้แก่ “Manor House” คฤหาสน์ 4 ห้องนอนแบบดูเพล็กซ์ และ “Presidential Heritage House” คฤหาสน์ 6 ห้องนอนอันน่าทึ่ง